ไม่เข้าใจธรรมที่ปรากฏ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาค
อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระองค์นั้น
เป็นเราไปหมดทุกอย่าง..ตราบใดที่ไม่เข้าใจธรรมที่ปรากฏตามความเป็นจริง
กราบบูชาคุณท่านอ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพยิ่ง
ยิ่งเข้าใจธรรมะ ยิ่งเห็นประโยชน์ ยิ่งเห็นคุณค่า และรู้ว่าประมาทไม่ได้
เราไม่สามารถเห็นถูกได้ เพราะปัญญาไม่ใช่เรา
ปัญญามีคุณค่า สามารถชำระจิตให้บริสุทธิ์ขึ้น
ชำระแล้วด้วยปัญญาที่เข้าใจธรรมะ
มีปัญญาเป็นที่พึ่งจากการฟังพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
☺ศึกษาธรรมะ เพื่อเข้าใจโลกและพ้นโลก
😊การฟังธรรม ปรุงแต่งให้ประพฤติเป็นไปในกุศลต่างๆ
😀พระธรรมแสดงความจริง เป็นธรรมะ
เป็นปรมัตถธรรม
😄เห็นดอกไม้ ดอกไม้เป็นสมมติสัจจะ จิตเห็นเป็นปรมัตถสัจจะ ดอกไม้ไม่มีจริง จิตเห็นมีจริง ถ้าไม่มีปรมัตถสัจจะ ก็ไม่มีสมมติสัจจะ
😁เอื้อมมือไป พยักหน้า ด้วยกิเลส
😃คนพาล มีชีวิตอยู่เพียงลมหายใจเข้าออกเท่านั้น ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
😆เมื่อคบมิตรเทียม ทำให้กุศลธรรมเสื่อม อกุศลธรรมเจริญ
☺พระผู้มีพระภาคทรงเกิดแล้วในโลก ทรงเจริญในโลก ทรงครอบงำโลก แต่โลกไม่แปดเปื้อนพระองค์ เปรียบเหมือนกับดอกบัวที่เกิดในน้ำ พ้นจากน้ำ ไม่ติดในน้ำ ฉะนั้น
😊สิ่งที่มีจริงลึกซึ้งยากจะรู้ได้ ฟังครั้งเดียว ชาติเดียว ไม่พอ เพราะสะสมความไม่รู้ ความติดข้อง โดยไม่รู้ความจริงเลย มานานมาก
😀การฟังธรรมะ เพื่อเข้าใจทุกคำ รู้ตามความเป็นจริงว่า ธรรมคือธรรม (ไม่พ้นจิต เจตสิก รูป) เป็นอนัตตา ไม่ใช่ของใคร ไม่ใช่เรา
😁ถ้าไม่มีจิต โลกนี้ไม่ปรากฏ
😃The right understanding sees the danger of all akusalas.
สนทนาธรรมที่ มศพ. ๔-๕ ก.ค. ๕๘
ถ้าสติระลึกและค่อยๆ น้อมไปศึกษาในลักษณะที่เป็นนามธรรม ในลักษณะที่เป็นรูปธรรม ก็จะคลายความเป็นตัวตนออกไปทีละน้อยๆ ๆ เหมือนจับด้ามมีด ซึ่งไม่มีทางที่จะรู้ได้เลยว่า จะสึกเมื่อไร เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปตั้งความหวังว่า เมื่อไรจะสึก แต่ให้มีปัญญาที่จะรู้ว่า ขณะที่สติระลึกนั้นรู้อะไรเพิ่มขึ้นหรือเปล่า ถ้ายังไม่รู้ ก็รู้เสีย ศึกษาเสีย รู้ชัดขึ้นเสีย ไม่ใช่ไปคอยผลว่า พิจารณาหรือสติระลึกมา ๒๐ ปีแล้วเมื่อไรจะบรรลุ ไม่ใช่เรื่องบรรลุ แต่เป็นเรื่องกำลังรู้สิ่งที่ปรากฏว่า ความรู้นั้นขั้นไหน แค่ไหน
ควรรังเกียจอกุศลของตนเอง
เราเท่านั้นที่จะขัดเกลาอกุศลของเราได้