ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๗๒

 
khampan.a
วันที่  7 ก.ค. 2567
หมายเลข  48071
อ่าน  1,697

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๗๒




~ สิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมอบให้เป็นมรดกที่ล้ำค่ากับชาวพุทธ ก็คือ คำจริงทุกคำที่เป็นประโยชน์ทั้งพระธรรมและพระวินัย เพราะฉะนั้น ทุกคนถ้าเห็นคุณอย่างนี้ บูชาคุณด้วยความเป็นผู้ตรง ศึกษาธรรมให้เข้าใจ ประกาศคำสอนที่ถูกต้องเพื่อให้คนอื่นได้มีโอกาสได้รู้ได้เข้าใจถูก ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในชาติต่อๆ ไป

~ เมื่อมีคนที่ไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ก็ตรัสแสดงธรรมให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ ซึ่งเขาไม่เคยรู้มาก่อน เพราะฉะนั้น ทุกครั้งต้องเป็นการฟังด้วยความเคารพ ถึงจะเป็นชาวพุทธผู้ที่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้เข้าใจธรรม แต่เมื่อเข้าใจธรรมนั่นแหละ จึงมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่จะทำให้รู้ความจริงจนสามารถที่จะค่อยๆ คลายอกุศลจนถึงการดับอกุศลได้ตามที่พระองค์ได้ทรงแสดงแล้ว

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว แต่พระธรรมเป็นศาสดา เพราะฉะนั้น ที่ใดที่มีธรรม ที่นั้น เหมือนมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ด้วยตรงหน้า เพราะว่า ต้องมีความเคารพและระลึกถึงพระคุณ เมื่อมีคนที่เข้าใจธรรมแล้วระลึกถึงพระคุณของพระองค์ มีหรือที่จะกระทำผิดจากพระธรรมที่ได้ทรงแสดงไว้และไม่ประพฤติตามพระธรรมวินัย

~ แม้แต่ "คุณ" คำเดียว ก็ต้องเข้าใจให้ถูกต้อง คุณ คือ ความดี เป็นใครหรือเปล่า ความดีเป็นความดี อยู่ที่ไหน จิตที่ดีเกิดขึ้น ก็เป็นความดี ไม่เลือกด้วย ชาติ ตระกูล ฐานะ ความเป็นอยู่หรืออะไร ความดี ก็คือ ความดี รู้คุณอย่างนี้ไหม?

~ ความตายจะเกิดเมื่อไหร่ หนึ่งขณะจิต เกิดแล้วดับ จิตนั้นทำหน้าที่เคลื่อนพ้นสภาพความเป็นบุคคลนี้โดยสิ้นเชิง จะกลับมาเป็นคนนี้อีกไม่ได้เลย แม้หนึ่งขณะ จะเอาเงินมากมายมหาศาลที่จะต่อไปอีกหนึ่งขณะก็ไม่ได้ เพราะกรรมที่ได้กระทำแล้วถึงวาระถึงโอกาสที่จะเกิดก็ต้องเกิดหนึ่งขณะจิตทำจุติกิจคือจิตที่พ้นสภาพความเป็นบุคคลนี้ เมื่อจุติจิตดับไปก็เป็นปัจจัยให้ขณะต่อไปเกิดขึ้น ใช้คำว่าปฏิสนธิจิต ตามกิจ คือ เกิดสืบต่อจากจุติจิตซึ่งดับไป ไม่มีระหว่างคั่นเลย ทันทีที่พ้นสภาพความเป็นบุคคลนี้ ก็เป็นบุคคลใหม่

~ เมื่อต้องตาย อาจจะเป็นวันนี้หรือพรุ่งนี้ หรือเดือนหน้า หรือปีหน้าก็ได้ ทำไมไม่ทำความดี หรือว่าไม่เริ่มฟังธรรมให้เข้าใจให้ถูกต้อง เพราะจะเป็นที่พึ่งต่อไป เหมือนสาวกในอดีตกาล ท่านได้ฟังธรรม ท่านได้สะสมความเข้าใจธรรม จนในที่สุด ท่านก็รู้แจ้งอริยสัจจธรรม เพราะฉะนั้น สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ก็คือ ไม่รู้ต่อไป

~ ความตายจะเกิดขึ้นได้ในวันหนึ่งวันใด ขณะหนึ่งขณะใด ช้าหรือเร็ว ชาติหน้าอาจจะเป็นขณะต่อไป หรือวันต่อไป หรือสัปดาห์ต่อไป เดือนต่อไป ปีต่อไปก็ได้ ซึ่งไม่มีใครสามารถที่จะรู้ เพราะไม่มีเครื่องหมายที่จะให้รู้เลยว่าชาติหน้าของใคร จะเป็นเมื่อใด

~ ใครจะช่วยทำกิจใดที่จะทำให้คนอื่นได้เข้าใจถูกต้องด้วย ก็ตามกำลังปัญญาของบุคคลนั้น สิ่งที่ถูกต้อง ควรให้คนอื่นได้รู้ด้วย ก็ทำทุกวิถีทาง เพราะฉะนั้น ผู้ที่มีความเห็นที่จะดำรงรักษาพระพุทธศาสนา ก็ศึกษาคำสอนแล้วก็เผยแพร่เต็มกำลังความสามารถของแต่ละท่าน

~ หวังดีที่จะให้เขาเป็นคนดี หวังดีที่จะให้เขาทำดี เขาไม่ดีอย่างที่เราหวัง ก็เรื่องของเขา แต่ว่าเราพร้อมที่จะช่วยเหลือเกื้อกูล โดยเราไม่ต้องโกรธหรือเดือดร้อน โกรธหรือเดือดร้อนเมื่อไหร่ ขณะนั้น ไม่ใช่เมตตา จะบอกว่าเมตตาไม่ได้

~ ทุกคนต้องไม่ลืมว่าฟังธรรมเพื่อเข้าใจความจริงซึ่งถ้าไม่ฟังไม่สามารถจะรู้ความจริงได้ เมื่อรู้ความจริงเข้าใจความจริงแล้วประพฤติปฏิบัติตามคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงให้เราละความเลวความไม่รู้ทั้งหมด เพราะฉะนั้น เมื่อฟังเข้าใจแล้วพร้อมที่จะละความชั่วความเลวความไม่ดีหรือยัง? ถ้าฟังเพียงเพื่อรู้ความจริง แต่ไม่ละความเลวเป็นประโยชน์ไหม? เพราะฉะนั้น ถ้าฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วยังประพฤติไม่ดี นั่นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะแม้คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ยังไม่ทำให้เขาสามารถละความชั่วได้ เพราะฉะนั้น ความชั่วก็เพิ่มขึ้นๆ ไม่รู้จบ

~ คนที่มีปัญญาแล้ว ปัญญาจะนำไปในการที่เห็นประโยชน์ของการที่มีชีวิตอยู่เพื่อความดี แต่ก็ไม่พอ ต้องเข้าใจพระธรรมด้วย แล้วความดีนั้นจะเพิ่มขึ้น นำมาซึ่งประโยชน์ทั้งในชาตินี้และชาติต่อไป

~ เจริญกุศลทุกประการ เพื่อที่จะขัดเกลาอกุศล ด้วยความจริงใจที่จะละคลายอกุศล ไม่ใช่ต้องการหรือปรารถนาสิ่งอื่น นี่คือ ผู้เห็นคุณของพระธรรม และเห็นโทษของอกุศล และก็รู้ว่า สิ่งที่ควรเจริญในชาตินี้คือปัญญา เพราะเหตุว่าสิ่งอื่นไม่สามารถจะติดตามไปได้ ทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่มีอยู่ ก็ติดตามไปไม่ได้ แต่ปัญญาความเข้าใจพระธรรมจากชาติหนึ่งไปอีกชาติหนึ่ง ก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้น

~ จะไม่ละเลยโอกาสของการทำดีแม้เพียงเล็กน้อย เพราะเห็นคุณของความดี

~ ทุกคนมีกิเลสมาก มากจนประมาณไม่ได้เลย เริ่มเห็นโทษของกิเลสและเริ่มคิดที่จะละไหมหรือว่าเหมือนเดิม

~ กิเลสก็ต้องนำความเดือดร้อนนำความทุกข์มาให้ตามกำลังของกิเลส ถ้ามีกิเลสมาก ทุกข์น้อยได้ไหม หรือ มีกิเลสน้อย ทุกข์มากได้ไหม? ก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ให้รู้ว่าใครก็ตามวันนี้มีทุกข์ นั่นเป็นเพราะกิเลส

~ ต้องไม่ประมาทแม้ความชั่วเพียงเล็กน้อย และไม่ประมาทแม้ความดีเพียงเล็กน้อย เพราะสิ่งที่เล็กน้อยนี่แหละ จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนมาก

~ เมื่อมีกิเลสมากๆ มีไหมที่จะไม่ทำทุจริตกรรม



ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๗๑




... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
มังกรทอง
วันที่ 7 ก.ค. 2567

แจ้งยิ่ง ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nattawan
วันที่ 7 ก.ค. 2567

จะไม่ละเลยโอกาสของการทำดีแม้เพียงเล็กน้อย เพราะเห็นคุณของความดี

ยินดีในกุศลวิริยะค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Jans
วันที่ 7 ก.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
jaturong
วันที่ 7 ก.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ ท่าน

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
shsso2551
วันที่ 7 ก.ค. 2567

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
swanjariya
วันที่ 7 ก.ค. 2567

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 7 ก.ค. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
panasda
วันที่ 7 ก.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Lai
วันที่ 8 ก.ค. 2567

อนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ