นี้ทุกข์

 
nattawan
วันที่  10 ก.ค. 2567
หมายเลข  48095
อ่าน  77

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

แม้ข้อความสั้นๆ ว่านี้ทุกข์ เข้าใจแค่ไหน? เพราะขณะนี้สภาพธรรมะกำลังปรากฏ รู้ตามความเป็นจริงหรือไม่? เพราะฉะนั้น ก็ขึ้นกับระดับปัญญา ซึ่งจะเห็นในความลึกซึ้งของสภาพธรรมะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

จากการสนทนาทวยตานุปัสสนาสูตรที่ มศพ. 20 เม.ย. 56

"จนกว่าสภาพธรรมะจะปรากฏตามความเป็นจริง" มีอรรถะที่ลึกซึ้งอย่างไร? ... สภาพธรรมะที่กำลังปรากฏ ... รู้หรือเปล่าว่าเป็นธรรมะแต่ละคำด้วย อย่าง นี้ทุกข์ พูดได้ ... นี้ ไหน? เกิดแล้วดับแล้วเร็วมากสุดที่จะประมาณได้

เพราะฉะนั้น ไม่ใช่เพียงแค่ตามคำว่า นี้ทุกข์ แต่นี้จริงๆ เดี๋ยวนี้เองนะคะ ... นี้ไหน? แสดงให้เห็นว่าปัญญาต้องเจริญ จนกระทั่งสามารถจะรู้จักคำว่า นี้คือ ขณะนั้นกำลังมีลักษณะนั้นเท่านั้น ไม่มีลักษณะอย่างอื่นเลยค่ะ นี้จริงๆ!!!

เพราะฉะนั้น ในขณะนี้ เห็นดับแล้ว นี้ทุกข์ อันไหนดี?? ได้ยินก็ดับแล้วก็มีจริงๆ แล้วนี้ไหน??

เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่า การฟังธรรมะจากประโยคสั้นๆ ดูเหมือนเล็กน้อย แต่ความละเอียดไม่เพียงพูดว่า นี้ทุกข์ แต่ขณะนั้น ต้องมีลักษณะของสภาพธรรมะที่ปรากฏกับสติ ต้องเป็นลักษณะไม่ใช่ชื่อ

อย่างเสียง ... ไม่ใช่ได้ยิน ได้ยินนะคะเกิดแล้วดับไป เพราะฉะนั้น จะกล่าวว่านี้น่ะอันไหน? นี้เสียงหรือว่านี้ได้ยิน

กล่าวลอยๆ หรือไม่ต้องกล่าวแต่นี้จริงๆ เพราะเหตุว่าลักษณะนั้นปรากฏจริงๆ ที่จะรู้ว่าทุกข์ เพราะเหตุว่าลักษณะนั้นเกิดแล้วดับ

เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีปรากฏเพียงชั่วคราวนะคะ ลึกซึ้งทั้งสองอริยสัจจะ คือ ทั้งทุกขอริยสัจจะและสมุทยอริยสัจจะ ลึกซึ้งเพราะเห็นยาก มีแต่ไม่เห็นตามความเป็นจริง เพราะความลึกซึ้ง แม้แต่คำว่า นี้ทุกข์พูดได้ใช่ไหมคะ แต่เป็นผู้ตรงว่า นี้ไหนและก็เมื่อไหร่??

ถ้าขณะนั้นไม่มีลักษณะแท้ๆ ที่กำลังปรากฏเพราะสติรู้ลักษณะนั้น ไม่ใช่ปรากฏเหมือนปกติที่ไม่รู้เลย เพียงบอกว่าแข็งบ้าง เสียงบ้าง กลิ่นบ้างแต่ไม่มีความเข้าใจในลักษณะที่เป็นธรรมะ

เพราะฉะนั้น เวลาที่ใช้คำว่าธรรมะ ก็ต้องเป็นธรรมะค่ะ จะเป็นอื่นไม่ได้เพราะฉะนั้น ลักษณะของธรรมะแต่ละหนึ่ง ซึ่งขณะนั้นปรากฏกับสติจึงสามารถที่จะรู้จริงๆ ว่า ไม่ใช่สิ่งที่หมดไปแล้วหรือว่าไม่ได้ปรากฏเลย ... แม้เกิดดับก็มีนิมิตที่ปรากฏให้รู้ได้ว่าเป็นสิ่งนั้นไม่เป็นสิ่งอื่น

เพราะฉะนั้น การฟังธรรมะก็เป็นบุญที่มีโอกาสได้ยินได้ฟังด้วยความละเอียด ไม่ใช่เผินๆ เพราะถ้าเผินๆ ไม่มีทางที่จะเข้าใจธรรมะเลย ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่ได้อะไรเลยจริงๆ เป็นแต่ชื่อแล้วก็เรื่องราวนะคะ แต่พอเห็นความลึกซึ้งก็จะรู้ได้ว่า แม้ลึกซึ้งก็ยังเห็นได้ด้วยปัญญาที่ได้อบรมจากการที่ค่อยๆ เข้าใจขึ้น

เพราะฉะนั้น ก็เป็นเรื่องละตลอดตั้งแต่ต้น และก็เป็นเรื่องรู้และเข้าใจขึ้น เห็นยากแม้มีปรากฏแต่ก็ลึกซึ้ง

เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้นะคะได้ยินคำว่านี้ทุกข์ รู้เลยใครพูด? มีปัญญาหรือไม่มีปัญญา? มีปัญญาระดับไหน? มีปัญญาระดับเรื่องราว ปริยัติฟังมาจำได้อริยสัจมี 4 ท่องได้ตอบได้ แต่ที่จะกล่าวว่า นี้ทุกข์ แม้แต่เพียงคำเดียว ... ปัญญาระดับไหน??

ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งต้องเป็นผู้ที่จะเห็นความลึกซึ้งยิ่งขึ้นของธรรมะละเอียดขึ้นๆ ๆ ลึกซึ้งขึ้นๆ ๆ ไปเรื่อยๆ จนกว่าสภาพธรรมะจะปรากฏ ก็ยังลึกซึ้งต่อไปอีกถึงวิปัสสนาญานแต่ละขั้น ซึ่งจำแนกแสดงไว้โดยตามความเป็นจริง แต่ถ้าไม่ได้อบรม สิ่งใดไม่เกิด ได้ยินแต่ชื่อแล้วจะรู้ได้ยังไงว่า มีความต่างกันตรงไหน??

เชิญชม ...

นี้ทุกข์

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลวิริยะของอ.อรรณพ หอมจันทร์


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 10 ก.ค. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เมตตา
วันที่ 10 ก.ค. 2567

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ