พระพุทธเจ้าทรงประเสริฐสุดในสังสารวัฏ

 
nattawan
วันที่  20 ก.ค. 2567
หมายเลข  48162
อ่าน  179

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เมื่อพุทธบริษัทได้ฟังว่า พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรม มีสาระสำคัญ คือถ้าไม่เข้าใจคำของพระองค์ให้เข้าใจเดี๋ยวนี้ ... ไม่รู้จักพระพุทธเจ้า!!!

การรู้จักการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ใช่โดยเหตุการณ์ แต่โดยแต่ละคำหลังจากทรงตรัสรู้แล้ว และทรงประจักษ์แจ้งและทรงแสดงให้ผู้อื่นได้เข้าใจด้วย ... เข้าใจความจริงเดี๋ยวนี้ทุกขณะ ... เข้าใจว่าเดี๋ยวนี้คืออะไร ซึ่งไม่มีใครสามารถจะรู้ได้เลย ถ้าไม่ได้ฟังคำของพระองค์

ไม่เคยเข้าใจความจริงเลย ประโยชน์สูงสุดคือได้รู้ความจริงที่พระองค์ทรงตรัสรู้ "ธรรมะทั้งปวงเป็นอนัตตา" น้อมใจมาเข้าใจว่า ธรรมะอยู่ไหน ... เดี๋ยวนี้หรือเปล่า ... อะไรเป็นธรรมะ ... ธรรมะเป็นอนัตตา ... สิ่งที่มีจริงทั้งหมดไม่เว้นเลย ... ถ้าไม่เกิดไม่มี!!

ความหมายของอนัตตาลึกซึ้ง ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด ... แค่นี้รู้จักพระองค์แค่ไหน!!!

เชิญชม

สนทนาธรรม เนื่องใน วันอาสาฬหบูชา #สนทนาพระธรรมวินัย

วันเสาร์ที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๗
เวลา ๑๐.๔๕ - ๑๒.๐๐ น. (ช่วงที่ ๒)

🔵 FB : วิทยุออนไลน์บ้านธัมมะ www.facebook.com/share/v/wwoGszCfh9PhJc8n/?mibextid=WC7FNe

🔴 YT: www.youtube.com/live/Vfi8jkZ3a_E?si=Shbmzfv6m0oZZWpX

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nattawan
วันที่ 20 ก.ค. 2567

ถ้าไตร่ตรองละเอียดขึ้น เข้าใจลึกซึ้งโลกทั้งหมดใหญ่โตมาก แต่ความจริงโลกเล็กนิดเดียว ... แค่นี้อะไรจริง?? เห็นเพียงสิ่งที่กระทบตาเท่านั้นจึงปรากฏ ธรรมะลึกซึ้งจนไม่มีใครสามารถรู้ความจริงได้ว่า ขณะนี้สิ่งที่เกิดแล้วดับเร็วสุดที่จะประมาณ มีรูปร่างสัณฐานต่างกัน เริ่มรู้ว่าอยู่ในโลกของความไม่รู้ความจริง จนกระทั่งปรากฏเป็นสิ่งต่างๆ มากมาย

ฟังธรรมะต้องตรง ปลูกฝังความเข้าใจมั่นคงว่า ธรรมะทั้งปวงเป็นอนัตตา สามารถประจักษ์แจ้งได้ มิฉะนั้นก็เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เกิดดับ นี่คือพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าตั้งแต่ประสูติจนดับขันธปรินิพพาน ... ไม่มีอีกเลย!!!

อธิษฐานบารมีมั่นคงแค่ไหน สัจจบารมีตรงแค่ไหน ขันติบารมีอดทนแค่ไหน เริ่มรู้จักพระพุทธเจ้า ฟังคำที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทุกคำของพระองค์ต้องเริ่มเข้าใจความจริงซึ่งไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้เลย ประเสริฐยิ่งในสังสารวัฏ ... อริยสัจจธรรม

เริ่มรู้หนทางที่จะละความไม่รู้ทีละเล็กทีละน้อยจนดับหมดสิ้น ถ้าไม่ได้ฟังไม่มีใครจะรู้ได้เลย พระพุทธเจ้าทรงประเสริฐสุดในสังสารวัฏ ไม่มีใครเปรียบได้เลย ถ้าไม่ได้ฟังคำของพระองค์ จะไม่รู้พระคุณของพระองค์เลย!!!

ทรงบำเพ็ญพระบารมีเพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจความจริงที่ถูกต้อง ความจริงคือเพียงแค่ปรากฏแล้วดับไม่เหลือเลย เพราะฉะนั้น จะเป็นเรา เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นของเราได้อย่างไร??

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nattawan
วันที่ 20 ก.ค. 2567

พรุ่งนี้มีแน่ แต่กว่าจะถึงพรุ่งนี้สิ่งนี้ต้องไม่มีทีละหนึ่งขณะ ทีละหนึ่งขณะจนกระทั่งถึงพรุ่งนี้ ต้องค่อยๆ เข้าใจความจริงว่า จากไปขณะนี้ก็ได้ใครจะรู้ และความเป็นคนนี้ไม่เหลือเลยทันทีที่จุติจิตเกิด ทำกิจเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ จะเป็นบุคคลนี้อีกต่อไปไม่ได้เลย แต่สิ่งที่สะสมไว้ไม่สูญหายก็แปดเปื้อนจิตให้เป็นอกุศลด้วยความไม่รู้!!!

ทุกคำของพระองค์ไม่มีสิ่งใดเปรียบได้เลย ปาฏิหาริย์เหนือปาฏิหาริย์ใดๆ มีปาฏิหาริย์ใดๆ ไหมที่จะให้ค่อยๆ จางจากความไม่รู้และอกุศลใดๆ ทุกคำของพระองค์เท่านั้นที่จะเปลี่ยนสภาพที่แปดเปื้อนด้วยความไม่รู้ ให้สะอาดขึ้นด้วยความรู้ความเข้าใจที่ตรงตามความเป็นจริงเดี๋ยวนี้

ใครจะรู้บ้างว่า อกุศลเกิดแล้วเพราะความไม่รู้ว่าไม่ใช่เรา

เคารพพระพุทธเจ้าสูงสุดด้วยการฟังและพิจารณาจนเข้าใจคำของพระองค์ พ้นจากสังสารวัฏอันยาวนานได้ด้วยคำของพระองค์ ถ้าไม่ได้ฟัง ... ชีวิตจะเป็นยังไง?? ฟังแล้วเห็นความลึกซึ้ง ... นี่เป็นหนทางที่เป็นมรรคที่จะดับทุกข์ทั้งปวงได้!!!

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nattawan
วันที่ 20 ก.ค. 2567

การฟังพระธรรมด้วยความเคารพเป็นการบูชาพระปัญญาของพระองค์อย่างสูงสุด ต้องเข้าใจ ไม่ใช่จำและพูด แต่ไม่รู้ความจริงที่ทรงตรัสรู้ ... ทั้งหมดคือเดี๋ยวนี้ ไม่มีอะไรเป็นที่พึ่งนอกจากความจริงที่ทรงตรัสรู้ด้วยพระปัญญาที่เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

คำจริงคือคำที่ทรงตรัสรู้ คือความจริงเดี๋ยวนี้ซึ่งเกิดและดับและไม่กลับมาอีกเลย ธรรมะทั้งหลายเป็นอนัตตา ... จะเปลี่ยนคำของพระองค์ไหม?? เป็นโทษมหาศาล เพราะฉะนั้น ต้องเป็นคนตรง เริ่มจากการเป็นคนตรงต่อความจริง เริ่มตรงทีละเล็กทีละน้อยเมื่อเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจตรงไม่ได้เลย แต่ละคำลึกซึ้งแค่ไหน!!! ฟังและเข้าใจเป็นปัญญาของตนเอง!!!

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nattawan
วันที่ 20 ก.ค. 2567

ประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลกสำเร็จแล้ว เมื่อพระองค์ทรงแสดงพระธรรม

เป็นพยานทุกครั้งที่เข้าใจคำของพระองค์ จนกว่าจะรู้สิ่งที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ เป็นพยานทุกคำในความลึกซึ้ง ความเข้าใจคำที่พระองค์ตรัสนั่นแหละเป็นพยาน ... สิ่งที่มีเดี๋ยวนี้นั่นแหละที่จะต้องรู้!!!

ยังไม่รู้ตรงตามความเป็นจริง แต่เบิกบานที่ได้รู้ความจริงที่ลึกซึ้ง เข้าใจขึ้นๆ มั่นคงขึ้นๆ และอดทน ไม่ใช่ใครจะไปทำอะไรได้เลยทั้งสิ้น ไม่ต้องทำอะไร นอกจากฟังแล้วเข้าใจ!!! เป็นพยานในคำของพระพุทธเจ้า

เพื่อพ้นจากฝั่งที่มีกิเลสไปสู่ฝั่งที่ไม่มีกิเลส ก็ต้องเป็นไปตามกำลังของปัญญา ... ปัญญานำไปในสิ่งที่ถูกต้องทั้งหมด ค่อยๆ อบรมเจริญปัญญา กุศลทั้งหลายเจริญขึ้นตามลำดับ จนสามารถดับกิเลสได้หมดสิ้น

ฟังเพื่อรู้ความจริงว่าไม่รู้มากมายขนาดไหน ... ไม่รู้ในความจริงของสิ่งที่กำลังมีจริงทุกขณะ ต้องฟังด้วยความเคารพสูงสุดจริงๆ ฟังเพื่อรู้ว่าทุกทวารเต็มไปด้วยอกุศล แต่มีโอกาสที่จะได้ฟังความจริง ... เบิกบานไหมเมื่อมีความเข้าใจ เป็นประโยชน์สูงสุดของแต่ละขณะที่ได้ฟังแล้วเข้าใจ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 20 ก.ค. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
nattawan
วันที่ 23 ก.ค. 2567

ของขวัญที่ดีที่สุดคือการให้ธรรม

ให้ความเข้าใจถูก

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

ภาพ Wannee Dhamma

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ