อยู่คนเดียว
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
จริงๆ อยู่คนเดียว แค่เกิดแล้วดับทั้งหมด ไม่มีอะไรเว้นเลย "อนัตตา"ทั้งนั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
คนที่เรารักไม่ได้ติดตามไป ความรัก กิเลส ติดตามไป (อ.สุจินต์)
ศึกษาธรรมเพิ่มเติมได้ที่ www.dhammahome.com
โดย มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
ความวิจิตรของความคิด
ในพระไตรปิฎกซึ่งเป็นคำที่จารึกพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง ๔๕ พรรษาจะไม่กล่าวถึงอย่างอื่นเลย นอกจากสิ่งที่มีจริงๆ ในชีวิตประจำวันใครจะไม่ให้จิตเกิด รู้หรือเห็น ไม่ได้ เห็นแล้ว จะไม่ให้คิด ก็ไม่ได้
เพราะฉะนั้นทุกอย่างไม่มีใครไปบังคับบัญชาเลย และความคิดของแต่ละคนก็หลากหลายมาก ขณะนี้ เดี๋ยวนี้ คิดเหมือนกันหรือเปล่า ไม่เหมือนกันเลยตามการสะสม แต่ว่ามีสิ่งที่ปรากฏให้เห็น ก็แล้วแต่จะคิดตามการสะสม
สภาพธรรมที่ปรากฏเกิดจึงได้ปรากฏ และเกิดแล้วก็ดับเร็วมากด้วย ไม่คำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้วและไม่คิดถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง เพราะเหตุว่าขณะนี้มีสิ่งที่กำลังปรากฏเพราะเกิดแล้ว
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๒- หน้าที่ 427
ข้อความบางตอน จาก ปิยสูตร
[๓๓๖] พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้พระสุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณ์คำ ร้อยแก้วนี้จบลงแล้ว จึงได้ตรัสคาถาคำร้อยกรองต่อไปอีกว่า เมื่อความตายเข้าถึงตัวแล้ว บุคคล ย่อมละทิ้งภพมนุษย์ไป ก็อะไรเป็นสมบัติของเขา และเขาจะพาเอาอะไรไปได้ อนึ่ง อะไรเล่าจะติดตามเขาไปประดุจเงาติดตามตนไป ฉะนั้น. มัจจาผู้ที่มาเกิดแล้วจำจะต้องตายใน โลกนี้ ย่อมทำกรรมอันใดไว้ คือบุญและ บาปทั้งสองประการ บุญและบาปนั้นแล และบาปนั้นไป อนึ่ง บุญและบาปนั้นย่อมเป็นของติดตามเขาไปประดุจเงาติดตามตนไป ฉะนั้น. เพราะฉะนั้น บุคคลพึงทำกัลยาณ กรรมสะสมไว้เป็นสมบัติในปรโลก ด้วยว่า บุญทั้งหลายย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายในปรโลก.
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาค
อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ที่ยังวนเวียนในสังสารวัฏฏ์ เพราะยังไม่ได้ดับเหตุที่ทำให้มีการเกิด เมื่อกล่าวถึงการเกิดในภพภูมิต่างๆ แล้ว ย่อมไม่พ้นไปจากความเกิดขึ้นเป็นไปของสภาพธรรมที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม จึงมีการบัญญัติให้รู้ว่าเกิดเป็นมนุษย์ เกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน เกิดเป็นเทวดา เป็นต้น
ผู้ที่พ้นจากการเกิดมีเพียงบุคคลประเภทเดียวเท่านั้น คือ พระอรหันต์
ประโยชน์ที่ควรพิจารณาจริงๆ คือ ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่ควรที่จะประมาทในชีวิต ควรอย่างยิ่งที่จะได้เจริญกุศลทุกประการ สะสมแต่สิ่งที่ดีงามในชีวิตประจำวัน พร้อมทั้งฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา ด้วย สะสมความดีในระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่ ถ้าละเลยในสิ่งเหล่านี้ เป็นผู้ประมาทมัวเมาประกอบแต่อกุศลกรรม เมื่ออกุศลกรรมให้ผล ทำให้ไปเกิดในอบายภูมิแล้ว เมื่อนั้น ก็ไม่สามารถจะโทษใครได้เลย เพราะตนเองเป็นผู้กระทำกรรมไม่ดีเอง ผลที่ไม่ดีก็ย่อมเกิดกับตนเองเท่านั้น ใครๆ ก็ช่วยไม่ได้