ทุกสิ่งคือสมมติเรียก

 
Kuat639
วันที่  23 ก.ค. 2567
หมายเลข  48182
อ่าน  188

ตอนนี้ความคิดของผม.หลังจากฟังธรรมะมาระยะหนึ่ง..เห็นว่าโลกนี้ไม่มีอะไรเลย.เป็นการสมมติขึ้นมาทั้งสิ้น ... ขอความเข้าใจแก่ผู้น้อยด้อยปัญญาด้วยครับ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 24 ก.ค. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษานั้น แสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เรา โดยพระองค์ทรงใช้พยัญชนะที่หลากหลายมากมายในการแสดงพระธรรมเทศนา เพื่อให้ผู้ฟังได้เข้าใจถึงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง เพราะแต่ละคำที่ทรงแสดงนั้น เป็นคำจริงเพื่อเข้าใจความจริงโดยตลอด สำหรับธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงนั้น ไม่พ้นไปจากสิ่งที่มีจริงในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งทีกระทบสัมผัส คิดนึก จิตเป็นกุศล เป็นอกุศล เป็นวิบาก เป็นกิริยา โดยประมวลแล้ว เป็นจิต เจตสิก รูป หรือ เป็นนามธรรม กับ รูปธรรม เมื่อประมวลให้ย่อที่สุดแล้วคือ เป็นธรรม หรือ เป็นธาตุ เมื่อเป็นธรรม เป็นธาตุแต่ละอย่างๆ จึงหาความเป็นสัตว์เป็นบุคคลไม่ได้เลย

ที่มีการกล่าวเรียกกันว่าเป็นคนนั้นคนนี้ เป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ เป็นสมมติบัญญัติต่างๆ ก็เพราะมีความเกิดขึ้นเป็นไปของธรรม ถ้าไม่มีธรรม อะไรๆ ก็ไม่มี

การศึกษาธรรม เป็นเรื่องที่ละเอียด จุดประสงค์ก็เพื่อเข้าใจสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ตามความเป็นจริงถ้าไม่อาศัยการฟังไม่อาศัยการศึกษาอย่างต่อเนื่องด้วยความละเอียดรอบคอบแล้ว ย่อมไม่สามารถเข้าใจตามความเป็นจริงได้ ดังนั้น จึงต้องฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมบ่อยๆ เนืองๆ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องยิ่งขึ้นไปตามลำดับ ครับ

... ยินดีในกุศลของคุณ Kuat639 และทุกๆ ท่านครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 24 ก.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Kuat639
วันที่ 25 ก.ค. 2567

สภาพธรรมมีจริง. ใช้ภาษาสมมติเรียกทั้งสิ้น..

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 7 ก.ย. 2567

จิต เจตสิก รูป เกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป ไม่มีอะไรเป็นของเรา แต่มีจิตที่สะสมกุศล อกุศล ที่ให้ผลข้างหน้าค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 7 ก.ย. 2567

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ