โอปนยิโก : น้อมเข้ามาในตน
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
แสงธรรมสองฝั่งโขง พ.26 ก.ค. 66
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงว่าไม่มีอะไร มีแต่ธรรมแต่ละหนึ่งเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยและดับไป ไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหน!!! เพราะมีแล้วใกล้ที่สุดทุกขณะอยู่ตรงนี้เอง แต่ไม่รู้ เริ่มใกล้ที่จะรู้จักตาและเห็นเดี๋ยวนี้ไหม!!!!!
โอปนยิโก : น้อมเข้ามาในตน แข็งอยู่ที่ไหน!!! ที่นี่ตรงนี้ไม่ไกลเลย รู้แข็งนี่ไกลไหม!!! ไม่ไกลเลย รู้ว่าเก้าอี้อยู่นั่น!!! สภาพรู้อยู่ไหน!!! แข็งอยู่ตรงรู้!!! (แข็งอยู่ตรงนั้นที่ปรากฏ!!!) ใกล้ที่สุดทุกวันแต่ไม่รู้ความจริงที่ถูกปิดบังมาตลอด ถ้าไม่ได้ฟังธรรมโดยละเอียด ขณะฟังธรรมะเข้าใจจริงๆ
อาศัยคำของพระพุทธเจ้าที่ได้ฟังบ่อยๆ ไตร่ตรอง เข้าใจ มั่นคง จนกระทั่งเข้าใจสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ได้ ทุกคำของพระองค์พูดถึงสิ่งที่มีจริงลึกซึ้งอย่างยิ่ง ฟังแล้วไม่ลืม ค่อยๆ ไตร่ตรองเพิ่มขึ้น ค่อยๆ ละความไม่รู้ ค่อยๆ เข้าใจความจริง จนกระทั่งเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏได้
กราบบูชาคุณท่านอ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดียิ่งในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
-ขณะที่ให้ทาน สละสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น
ขณะนั้นทำด้วยความบริสุทธิ์ใจหรือหวัง?? ทำแล้วหวังจะเป็นทานได้อย่างไร!!
-คนส่วนใหญ่ไม่สนใจพระวินัย เพราะคิดว่าเป็นเรื่องของพระภิกษุ และไม่เห็นคุณของพระธรรมวินัย ไม่คิดหรือว่าทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีประโยชน์ทั้ง ๓ ปิฏก
-ถ้าไม่สนใจศึกษาธรรมะ มีหรือจะสนใจศึกษาพระธรรมวินัย
-เดี๋ยวนี้เราอยู่กับกิเลส อยู่ท่ามกลางกิเลสทุกขณะที่เห็น ได้ยิน ...
สนทนาธรรมที่กระบี่
Photo Fongchan Walsh
ถ้าคฤหัสถ์เห็นว่าพระภิกษุกระทำไม่ถูกตามพระธรรมวินัย ก็เพ่งโทษ ติเตียน โพทนาด้วยกุศลจิต ดังที่ปรากฏในครั้งพุทธกาล
เป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกันในระหว่างพุทธบริษัท เพื่อพระภิกษุได้สำนึกในความเป็นพระภิกษุตามพระธรรมวินัย
ธรรมะสะอาด บริสุทธิ์ ตรง เพราะฉะนั้นพระภิกษุต้องสะอาด บริสุทธิ์ ตรง
สนธนาธรรมที่กระบี่
โดย สาวิกา ศาสตรพงศ์
แม้ความคิดนี้ก็เป็นธรรมะอย่างหนึ่งที่เกิดเพราะได้เคยฟัง เคยพิจารณามาก่อน ก่อนนี้ไม่เคยคิดอย่างนี้เลย เกิดคิดแล้วก็ดับไป ไม่ใช่ความคิดของใคร เพราะจะหาความเป็นใคร ของใครจากสิ่งที่เกิดแล้วดับทันทีได้จากไหน ต้องกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่กรุณาพร่ำสอนธรรมะอย่างละเอียด บ่อยๆ เนืองๆ ที่ทำให้คิดอย่างนี้ได้ และท่านกำลังจะไปเผยแพร่ความเข้าใจธรรมะของท่าน แก่สหายธรรมเวียดนามอีก ๑๐ กว่าวัน
ขอกราบอนุโมทนาค่ะ
Photo cr. Beautiful Amazing World
โดย พล.อ.ต.หญิง กาญจนา เชื้อทอง
ระหว่างวันที่ 10 พ.ค. 58 – 23 พ.ค. 58 มีโอกาสได้ติดตามท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ไปเผยแพร่พระธรรมที่เวียดนาม ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 โดยการเชิญของสมาชิกชมรมบ้านธัมมะเวียดนาม นำโดยคุณ Tam Bach ผู้ได้รับฉายาว่า อาจารย์สุจินต์ เวียดนาม เธอเป็นหญิงสาววัย 30 กว่าๆ ที่มุ่งมั่นในการเผยแพร่พระธรรมตามแนวพระไตรปิฎก ที่เน้นให้เข้าใจคำสอนว่า “ธรรมะทั้งหลายเป็นอนัตตา” และมีความปรารถนาดีต่อสหายธรรมที่เคยไปนั่งสมาธิด้วยกันตามสำนักต่างๆ ณ ประเทศต่างๆ (รวมทั้งประเทศไทยด้วย) ให้เข้าใจตามด้วย เพราะเธอทราบดีว่า การนั่งหลับตาไม่ทำให้เข้าใจว่า พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงสอนอะไร แล้วจะไปปฏิบัติได้อย่างไรเมื่อยังไม่เข้าใจ
www.dhammahome.com
Photo cr. Beautiful Amazing World
มีเพียงหลับกับตื่น ที่บางส่วนของเยอรมัน ออสเตรีย สโลวีเนีย
โดย พล.อ.ต.หญิง กาญจนา เชื้อทอง
ความจริงปุถุชนผู้ยังไม่ได้สดับจนเข้าใจพระธรรม จนสามารถรู้ลักษณะของสภาพธรรมะที่กำลังปรากฏขณะนี้ ยังเป็นผู้หลับอยู่ตลอดเวลาในสังสารวัฏ เพราะไม่ได้ตื่นขึ้นมารู้สิ่งที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ตามความเป็นจริงว่า เป็นเพียงสิ่งที่มีจริงชั่วขณะ เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไปไม่กลับมาอีกเลย จึงไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ท่านอาจารย์บอกว่า ถ้ายังไม่รู้เดี๋ยวนี้ ก็ยังไม่ใช่การอบรมเจริญปัญญา สำหรับท่านอาจารย์นั้น มีแต่ตื่นกับหลับ คือ มีขณะที่ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมะที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ และขณะที่ไม่ระลึกรู้นั่นเอง
Photo cr. Beautiful Amazing World
แนวทางเจริญวิปัสสนา
โดย สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ไม่ทราบว่าท่านเคยน้อมระลึกถึง พระพุทธคุณบ้างไหม และระลึกถึงในลักษณะใด เพราะการที่จะน้อมระลึกถึงพระคุณ ของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น สามารถที่จะน้อมระลึกได้ทุกเหตุการณ์ คือเมื่อพระองค์ได้ตรัสรู้พระอนุตตร สัมมาสัมโพธิญาณแล้ว จะน้อมระลึกถึงพระคุณ ตั้งแต่พระองค์ได้ทรงแสดงปฐม เทศนาตลอดมา จนถึงใกล้จะปรินิพพานก็จะเห็นพระคุณได้
เมื่อสภาพธรรมปรากฏที่ญาจาง เวียดนาม
โดย พล.อ.ต.หญิง กาญจนา เชื้อทอง
วันที่ 1 - 11 เมษายน 2559 ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้รับเชิญจากชมรมบ้านธัมมะ เวียดนาม ให้ไปสนทนาธรรมที่ญาจางเป็นเวลา 10 วัน มีสมาชิกชมรมบ้านธัมมะร่วมเดินทางทั้งชาวไทยและต่างประเทศ 15 ท่าน
ถึงโรงแรมที่เคยพักคราวก่อน The Light ที่มีรูปร่างเหมือนประภาคารริมทะเล ก็มืดแล้ว ทั้งง่วงและหิว รู้สึกว่าวันนี้ยาวนานเหลือเกิน เป็น The longest day วันหนึ่งในชีวิต คิดด้วยความไม่รู้อีกเช่นเคย ความจริงทรงแสดงไว้ว่า ชีวิตก็คือแต่ละขณะที่เกิดปรากฏ และแต่ละขณะก็มีอายุเท่ากัน คือขณะที่เกิดขึ้น ขณะที่ตั้งอยู่ และขณะที่ดับไปเท่านั้น แต่ละวันก็สมมติตามพระอาทิตย์ขึ้น และตก แต่ด้วยความอ่อนล้าอยากจะนอน จึงคิดว่าวันนี้ยาวนานเหลือเกิน ที่ร่างกายห่างจากที่นอน
Photo cr. Beautiful Amazing World
โดย พล.อ.ต.หญิง กาญจนา เชื้อทอง
สวัสดีปีใหม่ค่ะ และวันที่ชาวโลกสมมติกันว่า ใหม่กว่าเมื่อวานก็มาถึง คือวันที่ 1 ม.ค. 2559 ความจริงก็ไม่มีอะไรเก่าหรือใหม่กว่ากัน เพราะทุกขณะเกิดดับหมดไป ไม่กลับมาอีกเลย ทุกขณะที่เกิดขึ้นจึงใหม่เสมออย่างไรก็ตามเมื่อยังอยู่ในโลกของสมมติบัญญัติ ปีใหม่นี้ชมรมบ้านธัมมะเวียดนาม ได้เรียนเชิญท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์และคณะวิทยากรต่างประเทศ คือ คุณนีน่า วัน กอร์คอม จากเนเธอร์แลนด์คุณซาร่าห์ จากอังกฤษ คุณโจนาธาน จากออสเตรเลีย มาร่วมสนทนาธรรมเพื่อตอบปัญหาข้อข้องใจ หลังจากได้อ่านหนังสือธรรมฟังธรรมภาคภาษาอังกฤษจากเว็บไซต์ของ มศพ. ซึ่งมีทั้งภาษาอังกฤษ จีนเวียดนาม และญี่ปุ่น ปีนี้เป็นปีที่ 5 เริ่มตั้งแต่ 2555 มีชาวเวียดนามสนใจมาร่วมสนทนาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปีนี้ยังไม่ทราบว่ามากขึ้นแค่ไหน แต่ท่านอาจารย์บอกว่าแม้มีคนเข้าใจเพิ่มขึ้นเพียงคนเดียว ท่านก็ปีติแล้วเพราะเมื่อเข้าใจแล้วก็สามารถเผยแพร่ความเห็นถูกสู่คนอื่นได้ต่อไปเหมือนต่อแสงเทียนจากเทียนเล่มหนึ่งไปสู่อีกเล่มหนึ่งแม้จะไม่มีเทียนให้ต่อหรือต่อไม่ติดแต่แสงสว่างจากเทียนที่จุดติดแล้วย่อมทำกิจทำลายความมืดทำให้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน รู้ว่าทางไหนควรเดิน ทางไหนไม่ควรเดิน