การที่ชาตินี้เราเกิดมามีวิบากกรรม อยู่ไม่มีความสุข ทั้งๆ ที่มีเงินทอง
การที่ชาตินี้ เราเกิดมามีวิบากกรรม อยู่ไม่มีความสุข ทั้งๆ ที่ มีเงินทองไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่มีความไม่สบายใจในเรื่องต่างๆ มากมาย จิตใจไม่สงบ เกิดจากกรรมที่ทำมาจากชาติที่แล้วอย่างไรครับ เราสามารถแก้ไขและทำให้สบายใจขึ้น จิตใจสูงขึ้นด้วยวิธีไหน ครับ
ผู้ที่มีเงินทอง แต่อยู่อย่างไม่มีความสุขในปัจจุบัน เกิดจากหลายสาเหตุ คือส่วนหนึ่ง เพราะอุปนิสัย ที่เขาเคยสะสมมา ส่วนหนึ่งเพราะกิเลสในปัจจุบัน การสะสมอุปนิสัยในการเป็นคนทุกข์ใจในเรื่องต่างๆ เพราะในอดีตเคยกระทำแต่อกุศลกรรมเป็นจำนวนมาก ทำให้จิตใจไม่สงบมากด้วยความกังวลใจ และกิเลสในปัจจุบัน เพราะการไม่ได้ฟังพระสัทธรรม มีแต่อโยนิโสมนสิการ คบคนชั่วเป็นมิตร เป็นต้น ทำให้ใจมากด้วยอกุศล ดังนั้น ถ้าหากผู้นั้นได้ฟังพระสัทธรรม คบกัลยาณมิตร ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เขาย่อมมีสภาพจิตที่มีโสภณธรรมเกิดขึ้น มีปัญญาเข้าใจความจริงมากยิ่งขึ้น
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ถ้าไม่เกิดก็ไม่ทุกข์ เพราะทุกข์จะมีเพราะการเกิด เช่นทุกข์กายและทุกข์ใจ และที่มีการเกิดก็เพราะมีกิเลสครับ ดังนั้นเหตุให้เกิดทุกข์ ก็คือความไม่รู้ (อวิชชา) ขณะที่จิตไม่สงบเป็นอกุศล ก็เกิดจากกิเลสที่ยังมีอยู่ เมื่อไม่สบายใจ เราก็ไม่ชอบ เพราะเป็นความรู้สึกโทมนัส ก็อยากที่จะเปลี่ยนหรือเกิดน้อย แต่ในการอบรมปัญญาที่ถูกต้องเพื่อดับกิเลส อันเป็นเหตุแห่งทุกข์ทั้งหมดนั้น ไม่ใช่การบรรเทาชั่วคราว เพราะมีเหตุก็ทุกข์อีก เพราะยังไม่ได้ดับกิเลส แต่หนทางมี คือการเข้าใจความจริง ที่เกิดขึ้นกับตัวเราว่า คืออะไรกันแน่ครับ พระพุทธศาสนา ไม่ได้สอนแค่ให้เปลี่ยนจากความไม่สบายใจ เป็นสบายใจ แต่ให้เข้าใจความจริงว่า ทุกอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่เรา โดยเริ่มจากการฟังให้เข้าใจก่อนว่า อะไรคือธรรม ความไม่สบายใจก็เป็นธรรม แต่เพราะความไม่รู้ จึงยึดถือว่า เป็นเราที่สบายใจ นี่แหละหัวใจของพระพุทธศาสนา คือหนทางดับกิเลส ต้องเข้าใจว่า เป็นอนัตตาเป็นธรรม จึงจะดับกิเลสได้ ดังนั้นขึ้นอยู่กับเราแล้วว่า จะเพียงแค่เปลี่ยนจากความไม่สบายใจชั่วคราวเท่านั้น หรือจะดับความทุกข์ทั้งหมด ด้วยการดับกิเลส และไม่เกิดอีก ด้วยการเข้าใจว่าทุกอย่าง เป็นธรรมครับ ลองเปิดไฟล์ธรรมในนี้นะครับ ดีๆ ทั้งนั้น อนุโมทนา ลองอ่านข้อความในพระไตรปิฎกนะ เรื่อง เหตุให้เกิดทุกข์และสุข
ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่ ... ว่าด้วยเหตุให้เกิดทุกข์และสุข [ปฐมสุขสูตร]
ขอเชิญคลิกอ่านได้...ว่าด้วยปัญญาประเสริญกว่าทรัพย์ [รัฐปาลสูตร]
ท่านเจ้าของกระทู้คงจะเห็นสัจธรรมอย่างหนึ่งแล้วว่า ... ."ความสุขที่แท้จริงมิได้อยู่ที่วัตถุ" จริงอยู่ว่าความทุกข์ส่วนหนึ่ง เป็นผลจากการสร้างเหตุไว้ในอดีตชาติ อีกส่วนเกิดจากการประพฤติปฏิบัติตนในปัจจุบัน การที่ท่านจะไปสืบสาวหาเหตุในอดีตชาติ คงไม่เกิดประโยชน์มากนักเพราะเป็นการยากที่ปุถุชนจะรู้ได้ ถึงรู้แล้วก็แก้ไขสิ่งที่ทำไปแล้วในอดีตชาติไม่ได้ สิ่งที่ควรทำก็คือ การศึกษาให้รู้ว่าอะไรคือ ทุกข์ที่แท้จริงในโลก เพื่อที่จะดับเหตุแห่งทุกข์นั้น
- จะรู้จักว่าอะไรคือ ทุกข์ที่แท้จริง ก็ต้องศึกษา อริยสัจ ๔ ในส่วนของทุกขอริยสัจ
- จะรู้จักว่าอะไรคือ สาเหตุของทุกข์ที่แท้จริง ก็ต้องศึกษา อริยสัจ ๔ ในส่วนของทุกขสมุทัยอริยสัจ
- จะรู้จักว่าอะไรคือ ความดับทุกข์ที่แท้จริง (ความสุขที่แท้จริง) ก็ต้องศึกษา อริยสัจ ๔ ในส่วนของทุกขนิโรธอริยสัจ
- จะรู้จักว่าอะไรคือ หนทางหรือวิธีดับทุกข์ที่แท้จริง ก็ต้องศึกษา อริยสัจ ๔ ในส่วนของมรรคอริยสัจ (ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ)
คนที่เสื่อมทรัพย์สมบัติ เสื่อมลาภ ยศ สรรเสริญ เสื่อมญาติ มิตร ก็ไม่ชั่วร้ายเท่ากับเสื่อมปัญญา คนที่มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญาจึงจะชื่อว่าคนที่มีความสุขค่ะ
ขออนุโมทนากับท่านเจ้าของกระทู้หนึ่ง เมื่อใดที่กุศลเกิด อกุศลก็ดับไป เพราะฉะนั้น การทำให้จิตเป็นกุศลบ่อยๆ ก็เท่ากับยกจิตให้สูงยิ่งๆ ขึ้น เราสามารถเจริญกุศลได้ ทั้งทางกาย วาจาและใจ โดยการให้ทาน รักษาศีลและเจริญภาวนา แต่การเจริญกุศล ก็ต้องประกอบด้วยปัญญา เป็นไปเพื่อการละคลายกิเลสเป็นไปเพื่อการอบรมปัญญา ให้รู้สภาพธรรมทั้งหลาย ตามความเป็นจริง เพื่อคลายความยึดมั่นถือมั่น ในสิ่งทั้งปวง ทั้งที่เป็นรูปและนาม แล้วความทุกข์ใดๆ ก็จะทำร้ายจิตใจท่านไม่ได้อีกเลย จะทำได้ถูกต้องก็ต้องศึกษาพระธรรมวินัยให้เข้าใจถูกต้องจะได้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง
ขออนุโมทนาในกุศลเจตนา