ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๗๕
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๗๕
~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีผู้ใดสามารถที่จะเพียงฟังแล้วเข้าใจได้โดยตลอด แต่ต้องอาศัยการไตร่ตรองจนกระทั่งเป็นความค่อยๆ เข้าใจขึ้น จึงจะเริ่มรู้จักพระองค์จริงๆ เพราะฉะนั้น ก็เป็นผู้ที่ไม่ประมาทในการที่จะฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ถ้าคฤหัสถ์กล่าวธรรม เป็นโทษหรือเป็นประโยชน์? (เป็นประโยชน์) ควรกล่าวไหมหรือว่าไม่ต้องกล่าว? (ควรกล่าว) เพราะฉะนั้น คำไหนเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องตรงใช่ไหม? ไม่ว่าจะเป็นเพศใดก็ตาม ผู้ที่มีความเข้าใจธรรม เป็นพุทธบริษัทซึ่งไม่มีประโยชน์ใดจะมั่นคงเป็นประโยชน์เท่ากับได้ทำกิจของพระศาสนา ไม่อย่างนั้นจะเป็นพุทธบริษัททำไม เป็นเพื่ออะไร ศึกษาทำไม ถ้าศึกษาเพื่อที่จะไม่พร้อมเพรียงกัน ที่จะไม่ให้คนอื่นได้เข้าใจถูกได้เห็นถูก?
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสทุกคำ เราเคารพทุกคำแค่ไหน? "ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา" เคารพไหม? ถ้าเป็นอนัตตาจะมีสำนักปฏิบัติไหม? แล้วเคารพไหมว่าธรรมไม่ใช่เรา เดี๋ยวนี้ สิ่งที่กำลังมีเป็นธรรมทั้งหมด ถูกไหม?
~ ถ้าทุกคนมีความเข้าใจตรงกัน เคารพพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสูงสุดที่เรามีโอกาสได้ฟัง ถ้าทุกคนเข้าใจเหมือนกันก็ร่วมใจกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทำทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ ใช่ไหม? ทุกคนจะปลาบปลื้มยินดีมากที่เห็นผู้ที่เข้าใจธรรมร่วมใจกันพร้อมเพรียงกันดำรงรักษาพระธรรม
~ มีเรา ทุกข์ไหม? ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงแสดง จะรู้ไหมว่า มีเรา ทุกข์ไหม? ทุกข์ใหญ่ เพราะความเป็นเรา เพราะฉะนั้น ฟังทุกคำของพระองค์ ค่อยๆ ลึกซึ้งจนกระทั่งเข้าใจถูกต้องในความเป็นจริง
~ ทำดีเมื่อไหร่ ถ้ายังคงเป็นเราทำไม่ได้ ก็เห็นแก่ตัว อะไรๆ ก็ต้องเราก่อนเสมอ คนอื่นจะเป็นอย่างไร ก็ไม่สำคัญเท่ากับตัวเอง แต่พอไม่คิดถึงตัวเราเอง ทำความดีเมื่อไหร่ นั่นเป็นหนทางที่จะค่อยๆ ละความเป็นเราจนกระทั่งหมดความเป็นเราได้ เพราะฉะนั้น หนทางของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นหนทางของความดีโดยตลอด เพื่อละความเป็นตัวตนซึ่งไม่ดี
~ ความเห็นถูกต้องคือปัญญาที่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำให้ชีวิตเปลี่ยนจากความไม่รู้ความจริงเป็นค่อยๆ รู้ความจริงขึ้น
~ แสวงหาเพราะต้องการ กำลังแสวงหาสุขหรือทุกข์? ได้มาแล้วก็หมดไป สุขหรือทุกข์? แล้วจริงหรือเปล่าตลอดชีวิต ค่อยๆ มั่นคงในความจริง เพราะเหตุว่าความไม่รู้ทำให้เป็นทุกข์แน่นอน เพราะติดข้องในสิ่งที่ไม่มีหมดแล้วก็ยังติดข้อง ฉลาดไหมหรือไม่ฉลาดเลย?
~ แม้ว่าจะได้ฟังพระธรรมและรู้จักอกุศลว่าเป็นอกุศล แต่ปัญญาที่ยังไม่ถึงขั้นที่จะละคลายกิเลสยังไม่เกิด ก็ไม่สามารถที่จะละคลายหรือดับกิเลสได้
~ ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ทุกคนในขณะนี้จะบอกไม่ได้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นในขณะต่อไป ขณะนี้ดับไปแล้ว อะไรจะเกิดขณะต่อไป มีใครรู้บ้างว่าจะได้ยินเสียงอย่างเมื่อกี้นี้ ไม่มีใครทราบว่าจะได้เห็นอะไร จะได้ยินอะไร จะได้กลิ่นอะไร จะลิ้มรสอะไร จะสัมผัสอะไร แม้แต่ใจของตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าจะคิดนึกเรื่องอะไร ถ้าสิ่งนั้นยังไม่เกิดขึ้น จะไม่รู้เลย ทุกวันๆ ชีวิตดำเนินไปตรงตามหลักธรรมที่ว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา
~ ชาติก่อนเป็นใคร? ใครรู้ แต่ถ้าไม่สะสมมาที่จะเข้าใจความจริงจะไม่สนใจเลย บอกเท่าไหร่ก็ไม่เห็นประโยชน์ว่าเกิดมาแล้วต้องจากโลกนี้ไปด้วยความไม่รู้ความจริงตราบใดที่ยังไม่สนใจที่จะเข้าใจถูกต้องว่าความจริงถึงที่สุดคืออะไร
~ สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา แล้วเว้นอะไรหรือเปล่า ต้องมั่นคง แม้แต่ "ธรรมเป็นอนัตตา" ถ้ามีพื้นฐานที่มั่นคงก็จะทำให้ไม่หันเหไปสู่ความเข้าใจผิดการประพฤติผิดปฏิบัติผิดด้วยความไม่รู้ความจริงที่ลึกซึ้งและความติดข้องในสิ่งซึ่งเกิดดับไม่ปรากฏยังคิดว่ามีอยู่แม้เดี๋ยวนี้ เพราะฉะนั้น ฟังธรรมเพื่อละความไม่รู้เพื่อตรงต่อความเป็นจริง ตรงตั้งแต่ฟังคำแรกจนถึงคำต่อๆ ไปทุกคำ
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมเพื่ออะไร? เพื่อให้คนได้เข้าใจความจริงเป็นพระมหากรุณาอย่างยิ่ง ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน ถ้าเขาสามารถเข้าใจคำที่พระองค์ทรงแสดง เขาสามารถพ้นจากการเกิดได้พ้นจากทุกข์ได้สามารถที่จะรู้ความจริงได้ ไม่ว่าคนนั้นจะอยู่ไกลเท่าไหร่ ทรงประชวรก่อนจะปรินิพพานก็เสด็จไปถึงเมืองกุสินาราเพื่อที่จะให้คนนั้นได้ฟังแล้วก็ได้เข้าใจความจริง
~ เป็นเรื่อง "ควร" ทั้งนั้นเลยในธรรมฝ่ายดี แต่ว่ากำลังของความเข้าใจของเรามีแค่ไหนแล้วก็สามารถที่จะเป็นผู้ตรง ทั้งๆ ที่รู้ว่ากุศลดี แล้วกุศลจิตจะเกิดอย่างที่ต้องการได้หรือเปล่า
*** ~ พระธรรมสำหรับทุกคน ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ โดยเฉพาะผู้ใหญ่หวังดีต่อเด็ก แต่ลืมว่าแล้วเด็กจะให้ใครมาสอนในทางที่ถูกต้องถ้าผู้ใหญ่ไม่เข้าใจถูกต้องก่อน***
~ ถ้าเห็นกำลังของอกุศล ก็จะรู้ว่าขณะใดที่กุศลไม่เกิด ก็เป็นอกุศล ถ้าเป็นผู้เห็นประโยชน์ของกุศลจริงๆ แม้กุศลเพียงเล็กน้อยนิดหน่อยในชีวิตประจำวัน กำลังเผชิญหน้า ทำทันทีโดยไม่ต้องคอยเลย
~ จะตายวันไหนเมื่อไหร่ก็ได้ เกิดมาแล้วไม่พ้นความตาย วันนี้สนุกมากหมดแล้วไม่มีอะไรเหลือ ทุกอย่างที่ผ่านมาไม่เหลือเลย แต่ว่าสะสมความดีและความชั่วสืบต่อไปในจิตทุกขณะ
~ เป็นผู้ตรงต่ออกุศลธรรมที่สะสมมา เห็นอกุศลที่มีในตนว่าบุคคลอื่นไม่สามารถจะละให้ได้ แล้วเห็นว่าอกุศลธรรมนั้นเป็นโทษจริงๆ เป็นอกุศลที่ควรจะดับให้หมด การที่เห็นโทษของอกุศลในขณะนั้น จะเป็นปัจจัยทำให้สภาพของกุศลจิตเกิดขึ้นแทนอกุศลในขณะนั้น
~ อกุศลแม้เล็กน้อยนิดเดียว เกิดเมื่อไหร่ก็เบียดเบียนจิตให้เดือดร้อนโดยไม่รู้ แต่พอเป็นอกุศลมากๆ ก็กระทำการทุจริต ขณะนั้นเบียดเบียนแรง เพราะฉะนั้น ผลของอกุศลกรรมก็ทำให้ไปสู่อบายภูมิ
~ การที่จะเป็นบุคคลนี้อีกไม่นานใช่ไหม แล้วระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่ อะไรเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ที่สุด บุคคลต่อไปที่จะเกิดหลังจากละจากโลกนี้ไปแล้วเป็นอย่างไร รู้ได้จากชาตินี้
~ ต้องเป็นผู้ตรงอย่างยิ่ง สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ไม่ว่าใครทั้งหมด ควรทำหรือเปล่า?
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๗๔
... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...
ธรรมวินัย องค์พระศาสดาทรงบัญญัติไว้ดีแล้ว ขอน้อมกราบ อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ
แม้ว่าจะได้ฟังพระธรรมและรู้จักอกุศลว่าเป็นอกุศล แต่ปัญญาที่ยังไม่ถึงขั้นที่จะละคลายกิเลสยังไม่เกิด ก็ไม่สามารถที่จะละคลายหรือดับกิเลสได้
ยินดีในกุศลวิริยะค่ะ