ไม่มีใครทำร้ายใคร
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กิเลสเกิดเมื่อไหร่ ทำร้ายตนเมื่อนั้น
ไม่มีใครทำร้ายใคร
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
📝Note:ทิพย์ธรรมบรรเลง คร้ังที่1
🌿28/7/60@สโมสรกองทัพบก
📍ความไม่รู้ทั้งหมด ... นำมาซึ่งความทุกข์ เกิดขึ้นแล้วดับไปไม่กลับมาอีก วันนี้ ... ก็มีเฉพาะแค่ขณะนี้
📍ทุกข์ เพราะไม่รู้ ... แม้สิ่งนั้นกำลังเผชิญหน้าก็ไม่รู้ ทั้งหมดเป็นธรรมตั้งแต่เกิดจนตาย แต่ไม่มีใครรู้ ... ทั้งหมดต้องฟัง แล้วปัญญาไตร่ตรอง ...
📍กว่าความดี ... จะละคลายสภาพธรรมที่ถูกปกปิดมาตลอด
📍เชื่อไหมคะ!!!ว่าขณะนี้กำลังมีสภาพธรรมเกิดดับ ค่อยๆ สะสมปัญญาในขณะนี้ ทีละเล็กทีละน้อย ไม่มีใครสามารถที่จะทำให้สภาพธรรมเกิดขึ้นได้นอกจาก👉🏻ปัจจัยอย่างเดียว ...
📍เดี๋ยวนี้ที่เคยเป็นเรา ...
จริงๆ แล้วเป็นอะไร!!! ไม่ใช่เพื่อให้ละความเป็นเราทันที แต่ให้เข้าใจคำของพระองค์ เป็นคำจริงอย่างมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง จนกว่าจะเป็นเถรวาท คือการเข้าใจธรรมที่ไม่เปลี่ยนแปลง
📍ถาม:เห็นโลภะ ละโลภะคืออย่างไร?
ท่านอ.: โลภะรู้อะไรหรือเปล่า!! จะไปรู้โลภะขณะนี้ได้ไหม!! โลภะติดข้องในสิ่งที่ไม่ใช่เราแล้วเป็นอะไร!! เพราะฉะนั้นได้ยินคำไหน ค่อยๆ เพิ่มความเข้าใจทีละคำๆ เพื่อนำไปสู่คำที่กำลังสงสัย!!!
📍โลภะติดข้องในสิ่งที่เห็น ขณะนี้มีโลภะในสิ่งที่เห็น ... แล้วเจอชื่อโลภะ เจอเรื่องโลภะ แม้ยังเป็นเราที่เจอ ถ้าไม่ฟังก็ไม่เจออะไรเลย!! แต่ยังไม่ได้เจอโลภะจริงๆ
📍ทุกข์อริยสัจ ... ต้องเป็นไปอย่างนี้ในสังสารวัฏ กว่าจะรู้อย่างนี้!!!เห็นปัญญาคุณของพระพุทธองค์ ท่านทรงแสดงเพื่อให้เราเห็นพระคุณของพระองค์ จะรู้ก็ต่อเมื่อได้เข้าใจธรรมมากขึ้น
📍ในขั้นฟังก็เริ่มจะเห็น "เงา" ของธรรม ยังไม่เห็น"ตัวจริง" ของธรรม
📍ถ้าไม่มีคุณความดีเลย จะดับกิเลสได้อย่างไร ... เพราะฉะนั้นสะสมคุณความดี
📍การฟังธรรมไม่ใช่ให้ใครมาบอกต้องทำอย่างไร แต่เป็นความเข้าใจของเราต่างหาก เพราะแต่ละคนก็มีจิต จะสะอาดผ่องใส หรือว่าเศร้าหมองด้วยกิเลส
📍โอกาสของกุศลในวันหนึ่งๆ มีบ้างไหม แม้เพียงเล็กน้อยที่จะไม่ให้ อกุศลจิตเกิดขึ้น ... เพราะกุศลกับอกุศลไม่มีวันที่จะปรองดองกันได้เลย
📍ความคิดของแต่ละคนหลากหลายมากตามการสะสม แต่ไม่ใช่ให้เราไปติดในตรงนั้น แต่เข้าใจอกุศลในวันหนึ่งๆ มาก แต่เข้าใจพอที่จะให้กุศลเกิดได้ไหม!!! จากกาย วาจา ใจทั้งหมด ก็เพราะมีความเข้าใจเจริญขึ้น โดยที่ใครก็บังคับบัญชาไม่ได้
📍ทุกข์เพราะติดข้องในสิ่งที่ปรากฎโดยไม่มีกฎเกณฑ์ ... แต่ความเห็นที่ถูกต้อง จะน้อมไปสู่ความดีจนเป็นบารมี
📍ทุกคนอยากดี ... วันนี้ดีตรงไหน!!!ถ้าตรงไหนไม่ดีก็คือไม่ดี ... แต่ว่าเมตตาคนชั่วได้ไหม! เห็นใจได้ไหม! เพราะสะสมเจตนามาไม่ดี เพราะฉะนั้นก่อนอื่นต้องเห็นก่อนว่ากิเลสไม่ดี น่าสงสารความไม่ดีได้ไหม!!เพราะเขาจะต้องได้รับผลของกรรม และมีทางไหนที่จะช่วยเขาเดี๋ยวนั้น นั่นคือกัลยาณมิตร แทนที่จะไปโกรธเกลียด ... จิตในขณะนั้นเมตตาเขาได้ไหม
📍มีใจเสมอ คือมีความเป็นมิตร ... ความเป็นผู้มีตนเสมอ ซึ่งทั้งหมดเป็นธาตุ เสมอในความเป็นธาตุ เพราะฉะนั้นความมีตนเสมอคนอื่นก็ดี ไม่ใช่ความสำคัญตน ... เป็นเหตุให้มีความเห็นใจผู้อื่นด้วยความเป็นมิตรจริงๆ
📍มานะอกุศล ... มีความสำคัญตนในความเป็นเรา ปกติแล้วความสำคัญตนจะไม่ปรากฎ ถ้าไม่มีการเทียบเคียง ไม่เป็นกุศลในขณะนั้น
📍ใครๆ ก็ชอบคำพูดที่น่าฟัง ... เขาเป็นใครไม่สำคัญ แต่คำพูดของเราก็ไม่ควรทำให้เขาเดือดร้อนใจ
📍สิ่งที่ได้ยินในขณะนี้ กำลังปรุงแต่งให้จิตในขณะต่อไป ... ปัญญาจะทำหน้าที่ปรุงแต่ง ทำให้สิ่งที่ไม่เคยคิดมาก่อน ที่เคยคิดว่า"ดี"ทำยาก แต่ถ้าเข้าใจความดีก็ไม่ได้ยากอะไร เริ่มเปลี่ยน เริ่มเห็น แต่ก็ยังเป็นเรา จนกว่าจะดับความเป็นเราขั้นพระโสดาบัน
📍เพราะฉะนั้นต้องอาศัยบารมี คือคุณความดีทั้ง10 ด้วยปัญญา ไม่ใช่ด้วยความเป็นเรา
📍การศึกษาธรรม จุดประสงค์เพื่ออะไร ต้องตรง ไม่ว่าจะฟัง จะอ่าน หรืออยู่ที่ไหนๆ (ซึ่งก็ไม่เกี่ยวกับสถานที่) เป็นไปตามอัธยาศัย ... ก็เพื่อเข้าใจธรรม
📍ต้องเป็นปัญญาที่อาศัยจากการฟังด้วยความเป็นอนัตตา หนทางที่จะนำไปสู่ความไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้นฟังธรรมเพื่อละความไม่รู้ เพื่อละความไม่ใช่เรา
📍ถ้ามีความเข้าใจในความเป็นธรรมอย่างมั่นคงว่าไม่ใช่เรา การศึกษาพระวินัย พระสูตร พระอภิธรรม ก็เหมือนกันว่าไม่ใช่เราที่กำลังอ่าน แต่เป็นธรรมที่กำลังปรากฎ สอดคล้องกันทั้งหมดโดยไม่ต้องเรียกชื่อ
📍ทั้งหมดเป็นไปเพื่อการ "ละ"ทั้งสิ้น
📍กรรม ... นำมาซึ่งรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ใจ แล้วยังแสวงหากันต่อไป
📍เงิน ... นำมาซึ่งสิ่งที่ต้องการ นำมาซึ่งรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เย็นร้อน อ่อนแข็ง ตึงไหว เพราะฉะนั้นได้ลาภ คือได้สิ่งที่ต้องการ ซึ่งนำมา ... ก็เป็นกิเลสแล้วยังงัย!!!ถ้าไม่ได้แล้วยังงัย!!! เพราะฉะนั้นทุกข์มาจากไหน? มาจากการติดข้องต้องการ ... มีแต่ทุกข์ทางกายอย่างเดียวที่เป็นทุกข์ หนีไม่พ้น
📍กิเลสเป็นกรรม เป็นเหตุให้เกิดวิบาก เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีกิเลสก็ไม่มีกรรม ... กรรม กิเลส สั่งสมวิบาก
📍คำของพระพุทธเจ้าเป็นพระพุทธพจน์
ไม่ใช่เถรวาท
📍ความมั่นคงอยู่ที่ตัวเองในขณะที่เข้าใจ เถรวาทอยู่ตรงไหนต้องกล้าและมั่นคง
📍มั่นคงระดับไหน เพื่อประโยชน์ยิ่งใหญ่ เพื่อไม่ให้คนมาทำร้ายคำสอน เพราะฉะนั้นพูดคำจริงก็เป็นเถระมั่นคง
🌸กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ และทุกๆ ท่านด้วยค่ะ
Photo Cr. Napa Chantarangsu
ไม่ควรให้เงินพระภิกษุ
เพราะพระภิกษุไม่เหมือนคฤหัสถ์ ที่อยู่ได้ด้วยเงินทอง แต่พระภิกษุอยู่ได้ด้วยคุณความดี สละทุกอย่างออกบวชเพื่อขัดเกลากิเลสและศึกษาพระธรรม พระวินัย
สนทนาพระสูตร มศพ.
เช้า ส. ๓๐ ก.ค. ๕๙
หวงแหนที่สุดคือตัวตน กว่าจะสละความเป็นเราได้ ถ้าไม่มีพระธรรมคำสอน ไม่มีปัญญาที่จะเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง ไม่มีทางละได้
การที่จะมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ไม่ใช่ง่าย ต้องเป็นผู้ที่ฟังพระธรรมแล้วเข้าใจ รู้คุณของพระรัตนตรัย จึงมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง
ขณะฟังธรรมเข้าใจ ระลึกถึงพระมหากรุณาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าไม่ทรงตรัสรู้ ก็จะไม่มีใครเข้าใจได้เลย
ภาพ : Napa Chantarangsu
ไม่พักด้วยอกุศล ไม่เพียรด้วยความเห็นผิด จึงจะข้ามโอฆะได้
ภาพ : Napa Chantarangsu
พอใจไหมที่เข้าใจว่าตัวเองมีกิเลสมาก?
อยากจะมีกิเลสน้อยลงหรือเปล่า
อยู่ในโลกของกิเลส ก็เป็นไปตามกิเลส
อยู่ในโลกของมาร ... กิเลสมาร
เบิกบานไหม เมื่อได้ฟังพระธรรมแล้วรู้ว่ามีกิเลส?
-การมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ถึงด้วยปัญญาความเข้าใจจริง
-ไม่ว่ากาลสมัยไหน ธรรมะก็เป็นธรรมะ
-กิเลสทั้งหมด มาจากความไม่รู้ ขณะฟังธรรมเข้าใจ ขณะนั้นละความไม่รู้
-ไม่รู้จักธรรมะ ก็แสวงหาธรรมะ ทั้งๆ ที่มีธรรมะอยู่ตลอดเวลา
-สิ่งที่มีจริงกำลังปรากฏขณะนี้เอง เป็นสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้
การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้น ... แสนยาก
คนส่วนมากที่บ่นว่าไม่อยากเกิดทั้งนั้นเป็นเพราะว่าชีวิตกำลังมีความทุกข์ ความคับแค้นใจประการต่างๆ และยังมีคนอีกเป็นจำนวนมากที่เข้าใจผิดว่า การเกิด คือการได้เกิดมาเป็นมนุษย์เช่นนี้อีกทุกครั้ง ซึ่งความจริงแล้ว เป็นไปได้ยากแสนยากจริงๆ ที่จะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แม้บรรลุคุณธรรมเป็นพระโสดาบันบุคคลแล้ว ท่านก็ยังต้องเกิดอีก แต่ไม่เกินเจ็ดชาติและเกิดอยู่แต่ในสุคติภูมิเท่านั้น ปุถุชนคนกิเลสหนามาก เต็มไปด้วยความโลภ โกรธ หลง อย่างเราๆ ท่านๆ ทั่วไป ถึงอย่างไรก็ต้องได้เกิดอีกนับชาติไม่ถ้วน แถมด้วยความไม่แน่นอนว่า จะเป็นอบายภูมิหรือสุคติภูมิอีกต่างหาก ด้วยเวลาเท่าที่เหลืออยู่ จึงควรเป็นไปเพื่อการศึกษาและฟังพระธรรมเพื่อสะสมความเห็นถูก ความเข้าใจถูก ขัดเกลา สะสมอบรมเจริญปัญญากันต่อไป
ธรรมทัศนะ