จิต เจตสิก รูป เกิดดับนับไม่ถ้วน
ในคน 1 คน (ที่สมมติกัน) แท้จริงแล้วคือ จิต เจตสิก รูป ใน 3 อย่างนี้เกิดดับอยู่ตลอดเวลานับไม่ถ้วน แต่เราเห็น (อวิชชา) เหมือนยังไม่ดับไปเลย โดยเฉพาะรูปคน..รูปอวัยวะต่างๆ . ถูกผิดอย่างไรขอคำอธิบายด้วยครับ..จากผู้น้อยด้อยปัญญา.
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรม เพื่อให้พุทธบริษัทได้ฟัง ได้ศึกษาเพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้องในสิ่งที่มีจริงซึ่งเป็นธรรม ตรงตามความเป็นจริง ซึ่งจะเห็นได้ว่าตั้งแต่เกิดจนตาย ถ้าหากว่าไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ได้ศึกษาพระธรรม ก็จะไม่มีวันเข้าใจเลยว่า ทุกขณะของชีวิตเป็นธรรม ธรรมมีจริงในชีวิตประจำวัน เมื่อไม่เข้าใจในความเป็นจริงของธรรมแต่ละหนึ่งๆ จึงมีการยึดถือว่าเป็นตัวเรา เป็นสัตว์ เป็นบุคคล หรือเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด พอกพูนความไม่รู้ต่อไป แต่เพราะได้สะสมเหตุที่ดีมาแล้ว มีศรัทธาเห็นประโยชน์ของการอบรมเจริญปัญญา จึงได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรม ซึ่งเป็นความจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ทำให้ค่อยๆ เข้าใจขึ้นบ้างว่าขณะนี้ เป็นธรรม มีแต่ธรรมเท่านั้นที่เกิดขึ้นเป็นไป ไม่พ้นจากนามธรรมและรูปธรรมเลย การเห็นความเกิดดับของสภาพธรรม ไม่ใช่ด้วยอวิชชา เพราะอวิชชา ไม่ได้เข้าใจอะไรเลย แต่ต้องเป็นกิจของปัญญา และเป็นปัญญาระดับสูงด้วย ซึ่งถ้าไม่เริ่มตั้งแต่ขั้นการฟัง ย่อมไม่มีทางถึงปัญญาระดับนั้นได้เลย
ปัญญา เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นสภาพธรรมที่เข้าใจถูก เห็นถูก การที่ปัญญาจะเจริญขึ้นได้ จะเกิดขึ้นได้ นั้น ต้องอาศัยการอบรมจากการฟัง การศึกษาพระธรรมในชีวิตประจำวัน พิจารณาไตร่ตรองในสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง ที่สำคัญ คือ ไม่ขาดการฟังพระธรรม เมื่อปัญญาเกิดขึ้น ก็ทำกิจหน้าที่ของปัญญา คือ เข้าใจถูก เห็นถูก เข้าใจสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง ครับ
... ยินดีในกุศลของคุณ Kuat639 และของทุกๆ ท่านด้วยครับ ...
