ทำไมธรรมคือสิ่งที่มีจริง?

 
wathome8000
วันที่  5 ส.ค. 2567
หมายเลข  48239
อ่าน  157

ตามที่เข้าใจว่า ตถาคตแสดงธรรมโดยสายกลาง ไม่เข้าใกล้ส่วนสุดทั้งสองนั้นดังนี้ว่า (สิ่งทั้งปวงมีอยู่ สิ่งทั้งปวงไม่มี) เพราะอวิชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขารฯ ... แต่กลับได้ฟังธรรมจากทางมูลนิธิฯ ที่ว่าธรรมคือสิ่งที่มีจริงฯ.. จึงเกิดความคล่องใจในเรื่องนี้ว่า ธรรมคือสัจธรรม แต่หากแปลไทยว่าคือสิ่งที่มีจริง แต่ไม่มีเรา แต่ผมกลับรู้สึกติดขัดในใจ เหมือนเข้าไปยึดถือยังไงชอบกล ทำไมไม่แปลว่า "เป็นความจริง เป็นภาวะเป็นไปเพียงชั่วขณะของมันอย่างนั้นครับ"

ขอความอนุเคราะห์จากทาง อจ. และหรือท่านผู้เชี่ยวชาญธรรมของทางมูลนิธิกรุณาอธิบายให้เกิดความกระจ่างระหว่างศึกษาการเผยแพร่ธรรมของมูลนิธิต่อไปได้สะดวกใจด้วยครับ

กราบขอบพระคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 6 ส.ค. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เพราะมีจริง เป็นสิ่งที่มีจริง ปฏิเสธไม่ได้ เพราะความจริงเป็นอย่างนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสด้วยคำว่า ธรรม ข้อความใน พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ หน้าที่ ๔๗ ก็มีว่า "โดยอรรถท่านเรียกว่า ธรรม เพราะทรงไว้ซึ่งสภาวะของตน" ความจริงเป็นอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น ใครๆ ก็เปลี่ยนลักษณะของธรรมไม่ได้ ความเข้าใจถูกต้องตรงตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นกิจหน้าที่ของปัญญา เป็นธรรมฝ่ายดี ไม่ใช่ความยึดติดแต่อย่างใด

พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษานั้น แสดงถึงความเป็นจริงของธรรม ที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เรา เพื่อให้ผู้ฟังได้เข้าใจถึงลักษณะของธรรม ที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง สำหรับธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงนั้น ไม่พ้นไปจากสิ่งที่มีจริงในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึก จิตเป็นกุศล เป็นอกุศล เป็นวิบาก เป็นกิริยา โดยประมวลแล้ว เป็นจิต เจตสิก รูป หรือ เป็นนามธรรม กับ รูปธรรม เมื่อประมวลให้ย่อที่สุดแล้ว คือ เป็นธรรม หรือ เป็นธาตุ เมื่อเป็นธรรม เป็นธาตุ แต่ละอย่างๆ จึงหาความเป็นสัตว์เป็นบุคคลไม่ได้เลย

การศึกษาธรรม เป็นเรื่องที่ละเอียด จุดประสงค์ก็เพื่อเข้าใจธรรม ที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ตามความเป็นจริง ถ้าไม่อาศัยการฟัง ไม่อาศัยการศึกษาอย่างต่อเนื่องด้วยความละเอียดรอบคอบแล้ว ย่อมไม่สามารถเข้าใจตามความเป็นจริงได้ ดังนั้น จึงต้องฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม บ่อยๆ เนืองๆ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องยิ่งขึ้นไปตามลำดับ และที่ฟัง ที่ศึกษา ก็คือ เพื่อเข้าใจธรรมที่ปรากฏตามความเป็นจริง ครับ

ขอเชิญศึกษาเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ

ธรรมคือสิ่งที่มีจริง

... ยินดีในกุศลของคุณ wathome8000 และทุกๆ ท่านด้วยครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wathome8000
วันที่ 6 ส.ค. 2567

เรียน คุณkhampan.a

แล้วสิ่งที่มีจริง เที่ยงไหมครับ

กราบขอบพระคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 9 ส.ค. 2567

เรียนความคิดเห็นที่ ๒ ครับ

สิ่งที่มีจริงที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ล้วนไม่เที่ยง เพราะเกิดแล้วดับ แต่สิ่งที่มีจริงเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่เที่ยง คือ พระนิพพาน เพราะพระนิพพานไม่เกิดไม่ดับ พระนิพพาน จึงเที่ยง เพราะไม่เกิดไม่ดับ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 9 ส.ค. 2567
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 7 ก.ย. 2567

ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีจริงเป็นธรรม ในโลกนี้ย่อแล้วมี 2 อย่าง คือนามธรรมกับรูปธรรมค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
wathome8000
วันที่ 29 ก.ย. 2567

เรียนความคิดเห็นที่ ๓ ครับ

นิพพานเที่ยงแต่เป็นอนัตตาหรือครับ

แล้วที่ได้ยินฟังมาว่า สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นอนัตตา แสดงว่า ทั้งเที่ยงและไม่เที่ยงล้วนเป็นอนัตตา เพียงแต่มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่เที่ยงคือนิพพานเช่นนั้นหรือครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ