มีกิเลสมากแค่ไหน
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
มีกิเลสมากแค่ไหน
สะสมกิเลสไว้ในจิตมามากมาย ดังนั้น ทันทีที่ตื่นขึ้นกิเลสก็เกิดได้อย่างง่ายดายเป็นปกติ และถ้าพอใจที่จะมีกิเลสต่อไป หรืออยากจะหมดกิเลสเร็วๆ ก็เป็นโลภะทั้งสิ้น แต่การที่จะละกิเลสได้ต้องเริ่มจากปัญญา ที่เข้าใจความเป็นธรรมดาของกิเลส
เมื่อไม่สามารถจะรู้ความจริงด้วยตนเองได้ ก็ต้องอาศัยการฟังพระธรรมจากการตรัสรู้ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องในธรรมที่มีขณะนี้
ไฟไหม้บนศีรษะ
ถูกเผาด้วยกิเลสอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ยังไม่มีปัญญาที่จะรู้อย่างนั้นจริงๆ จนกว่าปัญญาจะเจริญ จนประจักษ์แจ้งในความดับไปใม่เหลือของสภาพธรรมที่เกิดตามเหตุปัจจัย จึงจะเห็นในโทษของการที่มีสภาพธรรมในขณะนี้ และมีความเพียรที่จะอบรมเจริญปัญญา เพื่อพ้นจากสภาพเช่นนี้ต่อไปโดยไม่รีรอ เปรียบเหมือนผู้ที่รู้ว่า ไฟกำลังไหม้อยู่บนศีรษะ ย่อมจะไม่รีรอที่จะพ้นจากภัยนั้นเลย
มรดกธรรม
มรดกที่ล้ำค่าของชาวพุทธคือความเข้าใจถูกตามพระธรรม ที่จะนำมาซึ่งประโยชน์สุขที่แท้จริง คือพ้นจากทุกข์ได้จริงๆ
ที่เกิดของจิต
ในภพภูมิที่มีทั้งรูปธรรมและนามธรรม จิตและเจตสิกจะต้องเกิดที่รูปที่เป็นที่เกิดของจิต ได้แก่ จิตเห็นเกิดที่จักขุปสาทรูปคือตา จิตได้ยินเกิดที่โสตปสาทรูปคือหู จิตได้กลิ่นเกิดที่ฆานปสาทรูปคือจมูก จิตลื้มรสเกิดที่ชิวหาปสาทรูปคือลิ้น จิตรู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกาย เกิดที่กายปสาทรูปคือกาย ส่วนจิตอื่นๆ เกิดที่หทยวัตถุรูป ซึ่งเกิดดับอยู่ที่กลางก้อนเนื้อหัวใจ
ประโยชน์ที่ได้เข้าใจในความจริงเหล่านี้ก็เพื่อรู้ว่า ไม่มีเราที่จะบังคับบัญชาอะไรได้ ล้วนเป็นไปตามปัจจัยทั้งสิ้น
ประมาทไม่ได้
พระผู้มีพระภาคทรงแสดงพระธรรม เพื่ออนุเคราะห์สัตว์โลก ให้ได้เข้าใจความจริง ซึ่งยากยิ่งที่จะมีโอกาสได้ฟังได้ศึกษา จึงควรไม่ประมาทในการฟังพระธรรม แม้เพียงแต่ละคำ ให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องตามที่ทรงแสดง
เหมือนมี
สภาพธรรมเกิดดับสืบต่ออย่างรวดเร็ว แต่ด้วยความไม่รู้จึงลวงเหมือนกับมีทุกสิ่งทุกอย่างในความคิดความทรงจำ แต่เมื่อวานนี้ไม่มีแล้ว แม้วันนี้ที่คิดว่ามีก็กำลัง
ไม่มีอยู่ทุกๆ ขณะ
จึงควรอบรมความเข้าใจที่ถูกต้อง
ตามพระธรรม เพื่อละคลาย
ความยึดถือในสิ่งที่ไม่มี