ธรรมมีจริงๆ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธรรมมีจริงๆ ขณะกำลังปรากฏขณะนี้
แต่ไม่รู้เลย ฟังธรรม ไตร่ตรอง สะสมความเข้าใจ มั่นคง ด้วยความอดทน จนกว่าจะเข้าใจขึ้นๆ ตามลำดับ จนประจักษ์แจ้งตามที่ได้ฟังจากการตรัสรู้และทรงแสดงธรรม 45 พรรษาของพระพุทธเจ้า
ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด บังคับบัญชาไม่ได้ เกิดเพราะเหตุปัจจัย และดับไป ไม่กลับมาอีกเลย
กัลยาณมิตรเหนือกว่ามิตรธรรมดา เพราะให้สิ่งที่คนอื่นให้ไม่ได้ คือ ปัญญา กัลยาณมิตรสูงสุด คือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า นอกจากให้ปัญญา ก็ยังให้ทุกอย่างด้วย เวลามีปัญญาความเห็นถูก ความคิดต่างๆ ก็ดี ถูกต้องตามปัญญา และค่อยๆ คลาย ค่อยๆ ละอกุศล
บ้านธัมมะ ๒๓ ธ.ค. ๕๒
-บัญญัติก็เป็นอารมณ์ของจิตในขณะที่จิตไม่มีปรมัตถ์เป็นอารมณ์ สภาพธรรมเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น เปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่สะสมปัญญาให้รู้ตามความเป็นจริงได้ตามระดับของปัญญา
-ขณะนี้เห็นเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เพราะอวิชชาความไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นกิเลสละเอียด ที่นอนเนื่องในจิต ขณะนั้นจิตเป็นอกุศล
-ใครรู้ว่าใครสติเกิด?
-จากการเข้าใจธรรมะ ทำให้มีกายและใจที่ดีงามขึ้น
บ้านธัมมะ ๑๖ ธ.ค. ๕๒
-คนพาล คือ ขณะที่อกุศลจิตเกิดขึ้นเป็นคนพาล ผู้ไม่รู้ประโยชน์ในโลกนี้และโลกหน้า ผู้ตัดประโยชน์ตน ผู้เบียดเบียนทำร้ายตนเอง
-จิตของใครเป็นกุศลขณะไหนก็เป็นมิตร ไม่ใช่ศัตรู อกุศลธรรมเกิดเมื่อไหร่ เป็นมิตรไม่ได้เลย
-กุศลธรรมที่ประกอบด้วยปัญญาเป็นเกาะ เป็นที่พึ่งที่แท้จริง
-โลภะ โทสะ โมหะ เป็นอกุศลธรรม เป็นศัตรูภายใน เป็นอมิตร เป็นเพชรฆาต ตามเบียดเบียนทั้งภพนี้และภพหน้า
-ขณะใดที่ทำประโยชน์ให้คนอื่น ขณะนั้นเป็นประโยชน์ตน เพราะขณะนั้นเป็นกุศลจิตอย่างแท้จริง
บ้านธัมมะ ๒ ธ.ค. ๕๒
-ธาตุรู้ (จิต) เกิดขึ้นเพื่อรู้สิ่งที่กำลังปรากฏให้รู้เท่านั้นเอง
-รูปไม่รู้อะไร เพียงแต่มีปัจจัยให้เกิดขึ้น เมื่อมีธาตุรู้ และไม่รู้ความจริงว่าเพียงเกิดดับ จึงยึดถือติดข้องทั้งนามและรูป
-รูปเป็นที่ตั้งของความยึดถือซึ่งเป็นที่ยินดีพอใจอย่างยิ่ง
-ไม่มีใครไม่อยากได้รูป แต่ที่พอใจที่สุดคือ "ตัวเอง" ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า
-รูปมีจริงๆ ถ้าไม่มีธาตุรู้ รูปนั้นก็ไม่ปรากฏ
-ถัาไม่มีการตรัสรู้ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า โลกอยู่ในความมืดของความไม่รู้ ไม่สามารถรู้อะไรได้เลยทั้งสิ้น ตั้งแต่เกิดจนตาย ไม่ว่าจะพูด ทำ คิด สุข ทุกข์ อยู่ในความมืด คือ ไม่รู้ความจริงว่าเป็นธรรมะแต่ละอย่างเกิดขึ้นและดับไป แล้วยังต้องมีต่อไปเรื่อยๆ ในสังสารวัฏฏ์ไม่สิ้นสุด โดยไม่รู้อะไรเลย
บ้านธัมมะ ๒๕ พ.ย. ๕๒
การได้ฟังพระธรรมเป็นโอกาสที่ดียิ่ง ที่จะได้สะสมความเข้าใจเพื่อการขัดเกลาและข้ามพ้นกิเลส แต่ต้องเป็นปกติและค่อยเป็นค่อยไป นั่นคือ ความอดทนที่จะข้ามพ้นจากฝั่งคือกิเลส
ฟังเพิ่มเติม www.dhammahome.com/audio/topic/10317
Photo cr. Amazing World