ไม่ดีแต่ก็รู้ว่าเป็นธัมมะ

 
nattawan
วันที่  19 ส.ค. 2567
หมายเลข  48309
อ่าน  359

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ถ้าเป็นเราที่ไม่อยากไม่ดี หรือเป็นเราที่อยากจะดี ก็ไม่ใช่ความเข้าใจธรรมะเลย แต่ความไม่ดีก็เป็นธรรมะ ถ้ารู้ในความเป็นธรรมะของความไม่ดี ก็เป็นความดีที่มีปัญญารู้ตรงตามความเป็นจริงและละความเป็นเรา

ข้อความในพระไตรปิฎก ดีแต่ไม่รู้ว่าเป็นธรรมะ ... ไม่ดีก็รู้ว่าเป็นธรรมะ ... ใครดีกว่ากัน? ... ผู้ที่รู้ว่าเป็นธรรมะประเสริฐกว่า แม้ว่าขณะนั้นไม่ดีเพราะเป็นธรรมะ ... ต้องมั่นคง ต้องกล้าหาญทุกอย่างที่จะเผชิญกับสิ่งที่เคยเป็นเรา

ไม่ดีไม่ชอบอยากเป็นเราที่ดีนี่ก็กั้นแล้ว ... ไม่ดีใครจะชอบแต่เกิดแล้วตามเหตุตามปัจจัย ไม่ให้เกิดได้ไหม? ไม่มีทางเลยเพราะเกิดแล้ว ด้วยเหตุนี้สิ่งใดก็ตามที่มีแล้ว เกิดแล้ว ปรากฏแล้ว ความจริงคือสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วดับไป จุดประสงค์อยู่ตรงนี้ นี่คือความจริง!!!

เพราะฉะนั้นคนที่ดีแต่ไม่รู้ว่าเป็นธรรมะ กับคนที่ขณะนั้นไม่ดีแต่รู้ว่าเป็นธรรมะไม่ใช่เรา ... ก็ต่างกันที่ความรู้ความเข้าใจถูก แล้วถ้าความไม่ดีเกิดขึ้น ... รู้ไหมว่าไม่ใช่เรา? สามารถรู้ได้ ... ที่ไม่รู้ก็มี เพราะฉะนั้นรู้ดีกว่าไม่รู้ใช่ไหม???

เพราะฉะนั้นเมื่อรู้ว่าไม่ใช่เรานั่นแหละการที่จะละความไม่ดี เพราะความไม่ดีทั้งหมดมาจากความไม่รู้ จะให้ยังคงไม่รู้อยู่แล้วเป็นคนดีไปเรื่อยๆ ... เป็นไปไม่ได้!!!

ถ้าเป็นปัญญาต้องเห็นสิ่งที่เป็นโทษว่าเป็นโทษ ... ความไม่รู้เป็นโทษไหม?? ความไม่รู้ ย่อมเป็นโทษอย่างแน่นอน ... นี่คือมีปัญญารู้ ไม่ใช่ว่าเห็นโทษแต่โลภะหรือโทสะ แม้โมหะก็เป็นโทษ

พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรม 45 พรรษาโดยละเอียดอย่างยิ่งโดยประการทั้งปวง ปัญหาทั้งหลายที่สงสัย ... คำตอบมีอยู่ในพระไตรปิฎกทั้งหมด

พระพุทธเจ้าตรัสว่า อวิชชาเป็นมลทินยิ่งกว่ามลทินทั้งหลาย คือเป็นสิ่งที่เศร้าหมองกว่าอกุศลธรรมทั้งหลาย

อวิชชาคือความไม่รู้ วิชชาคือความรู้ เพราะฉะนั้นเมื่อวิชชาเกิดคือความเข้าใจถูก ความเห็นถูก มีหรือที่จะทำสิ่งที่ไม่ดี ... เพราะความรู้!!! แต่เนื่องจากความไม่รู้ยังมีอยู่มาก และสิ่งที่ไม่ดีทั้งหมดไม่ได้เกิดจากความรู้ความเข้าใจ ไม่ได้เกิดจากปัญญา แต่เกิดจากอวิชชาที่สะสมมายังมีอยู่เพราะฉะนั้นความคิดที่จะประพฤติผิดทางกายวาจาก็มีจนกว่าจะดับอวิชชาหมด

ดีจนถึงอรูปพรหมก็ยังต้องกลับมาสู่ความเป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้นทรงแสดงว่าเขาไม่มีโอกาสได้ฟังพระธรรม ไม่มีหู ไม่มีรูปใดๆ ทั้งสิ้น ต่อเมื่อใดที่เป็นโอกาส เขาก็สามารถที่จะเข้าใจได้ เพราะเขาสะสมความดีมามากพอที่จะเกิดเป็นอรูปพรหม

ด้วยเหตุนี้ผู้ที่มีปัญญาระดับนั้นพระพุทธเจ้าจึงเห็นว่าเขาสะสมเหตุมาพอที่จะเห็นโทษของอกุศล จึงได้อบรมเจริญความสงบจนกระทั่งถึงขั้นฌานระดับต่างๆ สูงสุดคืออรูปฌานแต่แม้กระนั้นก็ยังละความเป็นเราไม่ได้


ชาวพุทธต้องเข้าใจว่าธรรมะคืออะไร

ดีกับชั่วมีจริงๆ ประโยชน์คือค่อยๆ เข้าใจว่าเป็นธรรมะ เป็นสิ่งที่มีจริงเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ค่อยๆ เข้าใจความจริง สะสมความเข้าใจที่ถูกต้อง

กุศลธรรมคือธรรมะทั้งหลายที่มีจริงที่เป็นธรรมะฝ่ายดี

อกุศลธรรมคือธรรมะทั้งหลายที่มีจริงที่เป็นธรรมะฝ่ายชั่ว

ขณะที่กุศลจิตเกิดแต่ไม่สามารถรู้ความเป็นจริงของธรรมะว่าไม่ใช่เรา ... ไม่มีปัญญาเกิดร่วมด้วย ไม่ว่าจะดีแค่ไหน ก็เป็นแค่สภาพธรรมะที่เกิดชั่วครั้งชั่วคราว แต่อวิชชาความไม่รู้ว่าเป็นความดีแต่ไม่ใช่เรา ก็ยังไม่ใช่ความดี

เชิญชม

สนทนาธรรมออนไลน์
เรื่อง “ ไม่ดี แต่ก็ว่าเป็นธัมมะ"
กับ คณะอาจารย์ มศพ.

วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2567
เวลา 10.00 - 11.30 น.

🟦Facebook​ : วิทยุออนไลน์​บ้านธัมมะ www.facebook.com/share/v/mM77QSptdyGaeWQ8/?mibextid=Le6z7H

🟦Facebook​ : ชมรมบ้านธัมมะ www.facebook.com/share/v/czBxaR5CY6iLzqwi/?mibextid=A7sQZp

🟥Youtube : มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา www.youtube.com/live/X0Ime3ax_-U?si=mYfcgQsARpWBYTsF

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ส.ค. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ