ก่อนฟังคำของพระพุทธเจ้า อยู่ในโลกของอัตตา

 
nattawan
วันที่  30 ส.ค. 2567
หมายเลข  48380
อ่าน  155

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การเคารพพระพุทธเจ้าสูงสุดไม่ใช่เพียงกราบนมัสการ แต่ทุกคำที่ได้กล่าวแล้วเป็นการรู้พระคุณของพระพุทธเจ้า ทรงแสดงความจริงว่าทุกอย่างที่มีจริงคือโลก เป็นอนัตตาไม่ใช่อัตตา ก่อนได้ยินคำว่าอนัตตามีแต่อัตตาทั้งโลก เป็นโลกของอัตตา สิ่งหนึ่งสิ่งใดเสมอมาในสังสารวัฏ แล้วจะเริ่มเข้าใจอนัตตาไม่ใช่อัตตาอย่างที่เคยเป็น เพราะฉะนั้นฟังคำของใครที่กล่าวว่าโลกสิ่งที่ปรากฏไม่ใช่อัตตา ... สิ่งหนึ่งสิ่งใด แต่เป็นอนัตตา ... ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด

การเริ่มเข้าใจคำของพระพุทธเจ้า ต้องไตร่ตรองทุกคำ ก่อนฟังพระธรรมเป็นโลกของอัตตาทั้งนั้น คือเป็นโลกของสิ่งหนึ่งสิ่งใด เพราะฉะนั้นกว่าจะเริ่มเข้าใจแต่ละคำของพระองค์ต้องตรง มั่นคง ละเอียด ลึกซึ้ง

ก่อนฟังคำของพระพุทธเจ้า อยู่ในโลกของอัตตา

ธรรมะที่พระพุทธเจ้าตรัสแล้วเป็นจริงทุกกาลสมัย

เดี๋ยวนี้อยู่ในโลกของอัตตาใช่ไหม?? หรือเข้าใจว่าเดี๋ยวนี้กำลังอยู่ในโลกของอัตตาเพราะอะไร?? ถ้าไม่มีเหตุผลก็ไม่รู้ความจริง ... ต้องมีเหตุผลว่าเพราะอะไรจึงอยู่ในโลกของอัตตา?? ถ้าไม่ตรงไม่สามารถเข้าใจคำต่อๆ ไปได้ เดี๋ยวนี้อยู่ในโลกของอัตตาหรืออนัตตา???

อยู่ในโลกของอัตตาเพราะไม่รู้โลกตามความเป็นจริง ยังคงเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ถ้าไม่เข้าใจความจริงของแต่ละคำของพระองค์ ไม่สามารถเข้าใจคำต่อๆ ไปได้ เพราะยังไม่ได้เริ่มเข้าใจคำที่พระองค์ตรัสเมื่อทรงตรัสรู้แล้ว ด้วยเหตุนี้เราทุกคนจึงมาที่นี่เพื่อสำนึกคุณของพระองค์ ด้วยการฟังคำเพื่อเข้าใจละเอียดขึ้น ไม่ใช่เพียงจำ!!!

ถ่ายทอดสดสนทนาธรรม ภาษาไทย - เขมร
ณ The Institute of Foreign Languages (IFL)
CJCC, กรุงพนมเปญ กัมพูชา

เช้า วันศุกร์ที่ 30 ส.ค. 67

🔵FB : www.facebook.com/share/v/sNmhaTpXijMNto4p/?mibextid=Le6z7H

🔴YT : www.youtube.com/live/_Ed84LmoWlw?si=Mq0zXNSQff8zZUhH

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nattawan
วันที่ 30 ส.ค. 2567

พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ธรรมะทั้งปวงเป็นอนัตตา" อนัตตาตรงกันข้ามกับอัตตา อยู่ในโลกของอัตตานานเท่าไหร่ การฟังคำของพระองค์เป็นการเริ่มต้นอยู่ในโลกของอนัตตา ตราบใดที่ยังไม่เข้าใจธรรมะสิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่ง ถ้าไม่มีอะไรเลย จะมีอะไรปรากฏไหม?? ถ้าขณะนี้ไม่เริ่มเข้าใจว่าเห็นมีจริง ถ้าเห็นไม่เกิดไม่มีเห็น ถ้าไตร่ตรองแล้วเริ่มเข้าใจคำว่าอนัตตาขึ้น ก่อนเห็นไม่มีเห็น แต่เดี๋ยวนี้มีเห็นเพราะเห็นเกิด เพราะฉะนั้นแต่ละหนึ่งธรรมะปนกันไม่ได้ เห็นไม่ใช่สิ่งที่ปรากฏให้เห็น ต้องเริ่มต้นเข้าใจอย่างนี้!!!

ไม่ต้องไปทำอะไรทั้งสิ้น เดี๋ยวนี้เห็นยังไม่เข้าใจจึงฟังคำของพระองค์เพื่อเริ่มเข้าใจความจริงของเห็นเดี๋ยวนี้ ... เห็นเกิดไม่รู้ ดับไม่รู้ แล้วความจริงเห็นเกิดดับหรือเปล่า อยู่ในโลกของการไม่รู้ความจริงมานานเท่าไหร่ จึงต้องฟังธรรมะทุกคำละเอียดอย่างยิ่ง ... ถ้าไม่มีเห็น ได้ยิน ... จะมีสิ่งที่เรียกว่าเราหรือเปล่า?? แต่เมื่อยังไม่รู้ความจริงแต่ละหนึ่ง จึงรวมกันเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ... อัตตา

เริ่มเข้าใจว่าทุกสิ่งที่มีจริงไม่เหลือแล้วเพราะเกิดและดับทันที จะเป็นเราได้อย่างไร?? นี่คืออริยสัจจธรรมข้อที่หนึ่ง ทุกข์ คือสิ่งหนึ่งสิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา ... เดี๋ยวนี้ใช่ไหม?? แต่ไม่เห็นการเกิดดับจึงเห็นเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด

การร้องไห้มีทุกภพทุกชาติ ร้องไห้ถึงสิ่งที่ไม่มีแล้ว ชีวิตก็เป็นไปตามเหตุปัจจัยทุกชาติ เดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยวสุขเดี๋ยวดีใจ เดี๋ยวเสียใจ เดี๋ยวร้องไห้ ... ก่อนสิ้นชีวิตเป็นบุตรของเรา แต่สิ้นชีวิตแล้ว ... ไหนบุตรของเรา??

เหมือนเราจากโลกนี้ไปแล้ว ยังคงเป็นเราหรือเปล่า? ทุกคนเกิดมาแล้วต้องตาย ชาตินี้ร้องไห้ถึงบุตรที่สิ้นชีวิตไป ... แต่ชาติหน้าไม่รู้เลยว่าเคยเป็นใครมาจากไหน เพราะฉะนั้นตราบใดที่ยังไม่รู้ความจริงก็เป็นอัตตาแน่นอน

เพราะฉะนั้นต้องฟังคำที่ประเสริฐที่สุด มั่นคงที่สุด เปลี่ยนไม่ได้เป็นสัจธรรม ถ้าไม่รู้ความจริง ไม่รู้ว่าไม่ใช่เราที่ร้องไห้ ... แต่เป็นธรรมะ ถ้าไม่มีสิ่งที่รักพลัดพรากไปจะร้องไห้ไหม?? ไม่ร้องเพราะไม่มีปัจจัยให้ร้อง

ร้องไห้เป็นธรรมะมีปัจจัยให้เกิดก็เกิดหยุดร้องไห้มีไหม?? ไม่มีใครร้องไห้ตลอดเวลา แต่หยุดร้องไห้ก็ไม่รู้ แต่พระพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงทุกภพทุกชาติ ทุกอย่างเป็นอนัตตาบังคับบัญชาไม่ได้ ทุกอย่างมีเพราะเกิดแล้ว บังคับให้เกิดหรือไม่เกิดไม่ได้แต่เดี๋ยวนี้มีสิ่งที่เกิดแล้วทั้งนั้นแต่ไม่รู้

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nattawan
วันที่ 30 ส.ค. 2567

ธรรมะทั้งหลายเป็นอนัตตา ทำให้เกิดไม่ได้ เกิดเพราะมีเหตุปัจจัยทั้งสิ้น แม้ขณะนี้ที่กำลังฟังคำของพระพุทธเจ้าก็เกิดแล้ว ความรู้ความเข้าใจของแต่ละคนที่ฟังแล้วมากน้อยต่างกัน ... บังคับบัญชาให้เสมอกันไม่ได้ ... แสดงถึงไม่มีใครสามารถทำให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้น!!!

สิ่งนั้นเกิดแล้วดับแล้วโดยไม่มีใครทำ ... กว่าจะเริ่มเข้าใจจริงๆ ว่าทุกขณะเป็นอริยสัจจธรรมข้อที่หนึ่ง ไม่ใช่ยังไม่ร้องไห้แล้วร้องไห้แล้วหยุดร้องไห้ ... แต่เพราะรู้ว่าขณะนี้เกิดแล้วไม่รู้ จึงฟังคำของพระพุทธเจ้าให้รู้ว่าเกิดแล้วเพราะเหตุปัจจัย แล้วก็ดับไปไม่เหลืออะไรให้ยึดถือได้ เริ่มเข้าใจคำว่าอนัตตา ไตร่ตรองด้วยตัวเอง อีกนานไหม กว่าจะออกจากโลกของอัตตาไปอยู่ในโลกของอนัตตา???

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 30 ส.ค. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nattawan
วันที่ 30 ส.ค. 2567

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ