เดี๋ยวนี้มีธรรม ... ลืมหรือยัง?

 
nattawan
วันที่  30 ส.ค. 2567
หมายเลข  48383
อ่าน  345

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เดี๋ยวนี้มีธรรมะ ... ลืมหรือยัง? แต่ว่าจะรู้ว่าเป็นอนัตตาไม่ใช่อัตตาต้องเป็นคนตรงที่ว่า แม้เดี๋ยวนี้ธรรมะมี แต่ก็ยังไม่เป็นธรรมะ แต่พระพุทธเจ้าตรัสว่า สิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้เป็นสิ่งที่มีจริงเป็นอนัตตา เชื่อมั่นคงหรือยังว่าไม่ใช่อัตตา กว่าจะรู้ว่าขณะนี้ทุกอย่างเป็นธรรมะมากมายหลายประเภท ต้องค่อยๆ ไตร่ตรองจนรู้ชัด เพราะฉะนั้นการที่เราเคารพพระพุทธเจ้าด้วยการฟังเพื่อเริ่มเข้าใจขึ้นในสิ่งที่มีฟังแล้วฟังอีก จนกว่าจะประจักษ์แจ้งตามความเป็นจริง ทุกคำของพระองค์ที่กล่าวถึงสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้จริงๆ ลึกซึ้งมาก การเข้าใจถูกต้องว่าเดี๋ยวนี้มีธรรมะที่ลึกซึ้ง ความเข้าใจถูกทีละเล็กทีละน้อย จะทำให้ปัญญาเริ่มเข้าใกล้ความจริงของธรรมะที่เกิดดับขณะนี้ได้

การเริ่มเห็นถูกว่าขณะนี้ธรรมะเกิดขึ้นและดับไป ถ้าค่อยๆ มั่นคงก็จะค่อยๆ เข้าใกล้ความเข้าใจธรรมะ ถ้าไม่รู้ธรรมะที่มีจริงแต่ละหนึ่ง ก็ไม่มีทางละความเป็นอัตตา เพราะฉะนั้นสิ่งที่มีจริงขณะนี้เป็นอริยสัจจธรรม เกิดจริงๆ ดับจริงๆ ทีละหนึ่งไม่ใช่พร้อมกันทันที ถ้าไม่รู้ว่าสภาพธรรมะเกิดดับเร็วมาก ก็จำที่เกิดดับสืบต่อเป็นรูปร่างสัณฐาน ถ้าไม่มั่นคงก็จะไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ไม่ใช่อัตตา เพราะธรรมะที่เกิดและดับไปไม่เหลือเลย จะเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้อย่างไร!!!

ถ่ายทอดสดสนทนาธรรม ภาษาไทย - เขมร
ณ The Institute of Foreign Languages (IFL)
CJCC, กรุงพนมเปญ กัมพูชา

วันศุกร์ที่ 30 ส.ค. 67 (ช่วงบ่าย)

🔵FB : www.facebook.com/share/v/McqpWet338Cuq7Lx/?mibextid=Le6z7H

🔴YT : www.youtube.com/live/Jvub092Ua3A?si=yoxCP874RFMEPaVQ

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nattawan
วันที่ 30 ส.ค. 2567

คนที่ฟังพระธรรมแล้วเข้าใจ เห็นโทษของความไม่รู้ กำลังเห็น พระพุทธเจ้าตรัสรู้ว่าก่อนเห็นไม่มีเห็น แต่สภาพธรรมะขณะนี้ไม่ปรากฏว่าแต่ละหนึ่งเกิดดับ แต่พระองค์ตรัสว่า "สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา" พระองค์ทรงประจักษ์ลักษณะที่กำลังปรากฏทีละหนึ่งที่เกิดดับ และทรงแสดงความจริงให้เริ่มไตร่ตรองพิจารณาจนเป็นความเข้าใจที่มั่นคง จึงจะเป็นปัจจัยให้รู้ตรงลักษณะที่เรากำลังพูดถึง ถ้าไม่เริ่มเข้าใจถูกตามลำดับ จะไม่สามารถเข้าใจธรรมะแต่ละหนึ่งไม่ปะปนกัน ถ้ารู้ว่าขณะนี้สิ่งที่มีจริงเป็นธรรมะแต่ละหนึ่งไม่ปะปนกัน จึงจะเริ่มเข้าใจถูกว่าขณะนี้เป็นธรรมะแต่หนึ่ง เป็นอนัตตา ไม่ใช่อัตตา

เข้าใจแค่นี้พอไหม? ไม่พอจนกว่าจะรู้ความจริงตามลำดับ เมื่อนั้นจึงจะเริ่มเข้าใจความต่างของปัญญาตามลำดับ ในขั้นการฟัง เมื่อเข้าใจถูกต้องว่าความจริงเป็นอย่างนี้ ธรรมะเป็นธรรมะ ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้เลย เพียงฟังเริ่มเข้าใจถูกต้องว่า สิ่งที่มีเดี๋ยวนี้เกิดและดับไป พูดแล้วต้องตรง แต่ยังไม่สามารถรู้การเกิดดับเดี๋ยวนี้ได้ ปัญญารู้ตามความเป็นจริงว่า ขณะนี้มีสิ่งที่เกิดและดับไป สิ่งนี้หมายถึงธรรมะสิ่งหนึ่งที่มีขณะนี้

เดี๋ยวนี้ธรรมะกำลังเกิดดับแต่ไม่รู้ แต่ถ้าฟังเข้าใจขึ้นๆ เป็นบารมีทุกประการ จึงสามารถเริ่มละความเข้าใจผิดว่าเป็นอัดตา ฟังเท่านี้ไม่พอ เพราะฉะนั้นก็ฟังต่อไป!!!

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nattawan
วันที่ 30 ส.ค. 2567

การที่จะรู้ความจริงไม่ใช่ใคร แต่ต้องเป็นความเห็นถูกต้องซึ่งเป็นเจตสิกพระพุทธเจ้าจึงตรัสให้ระลึกให้มั่นคงว่าไม่ใช่อัตตา

ขณะที่ฟังอย่างนี้ก็มีสติปัญญาเข้าใจถูกต้องในสิ่งที่ได้ฟัง แต่ยังไม่ใช่สติปัฏฐาน สติปัฏฐานจะเกิดได้ต่อเมื่อมีปัญญารอบรู้ในสิ่งที่ปรากฏถูกต้อง

เพราะฉะนั้นต้องเป็นผู้เคารพในความจริง ถ้าไม่รู้จักสติปัฏฐาน สติปัฏฐานจะเกิดไม่ได้

คนที่เข้าใจผิดคิดว่าสติปัฏฐานคือ "ทำ" แต่ไม่เข้าใจปริยัติก่อนสติปัฏฐาน ถ้าไม่มีความเข้าใจละเอียดรอบรู้มั่นคงในสิ่งที่กำลังปรากฏสติปัฏฐานเกิดไม่ได้

เพราะฉะนั้นเมื่อเข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏ จึงละความคิดที่จะทำสติปัฏฐานแน่นอน!!!

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 30 ส.ค. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nattawan
วันที่ 31 ส.ค. 2567

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ