มลทินคือกิเลส

 
nattawan
วันที่  31 ส.ค. 2567
หมายเลข  48384
อ่าน  179

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

🌿กิเลสมล หมายถึง เครื่องเศร้าหมองของจิต มลทินคือกิเลส🌿

เรื่องของการขัดเกลากิเลส เป็นเรื่องที่ต้องเพียรอบรมจริงๆ เพราะเหตุว่ากิเลสอกุศลเกิดง่ายมาก ยกตัวอย่างเช่น โลภะก็ไม่ต้องระมัดระวังอะไรเลย ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ มีอยู่เกือบจะตลอดเวลา โทสะ และโมหะก็เช่นเดียวกัน เมื่อกิเลสเกิดขึ้นแล้ว ก็เป็นธรรมที่เป็นเครื่องเศร้าหมอง คือ ทำให้สภาพธรรมที่เกิดร่วมด้วยคือจิตเศร้าหมอง

การมีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรมเท่านั้น ที่จะเป็นไปเพื่อความเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง ทำให้รู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ไม่ดี ไม่สมควร และอะไรคือสิ่งที่ดี สิ่งที่สมควร แล้วมีความละอาย มีความเกรงกลัว ที่จะละในสิ่งที่ไม่ดี แล้วน้อมประพฤติในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม ขัดเกลากิเลสเครื่องเศ้าหมองของตนเองต่อไป เพราะสิ่งที่ไม่ดีนั้นมีมากทีเดียว ซึ่งจะขัดเกลาได้นั้น ก็ต้องด้วยความดีที่มีกำลังขึ้น จากการศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ

www.dhammahome.com
Photo cr. Napa Chantarangsu

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nattawan
วันที่ 31 ส.ค. 2567

ฟังธรรมะทีละเล็กทีละน้อย จนเข้าใจจริงๆ มั่นคงว่าไม่มีเราฟังเพื่อเข้าใจว่าไม่มีเรา มีแต่ธรรมะเท่านั้น

-- ปัญญาคือความเข้าใจ จะขาดการฟังธรรมะไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้นอกจากเข้าใจ เข้าใจมากเข้าใจน้อยก็เป็นปัญญา

-- คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมดเพื่อเข้าใจ ต้องไม่ลืมว่าไม่มีเรา ทั้งหมดเป็นธรรมะ เกิดแล้วดับ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา ทุกอย่างเกิดแล้วตามเหตุตามปัจจัย

-- คำจริงเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่คำของใคร ลึกซึ้ง ค่อยๆ เข้าใจทุกคำแต่ทีละคำ

-- ฟังธรรมะเพื่อดำรงรักษาพระพุทธศาสนา ถ้าไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิดเป็นการทำลายพระพุทธศาสนา

กราบบูชาคุณท่านอ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nattawan
วันที่ 31 ส.ค. 2567

อยู่ในโลกของสิ่งที่มีจริง แต่เพราะไม่รู้ความจริง จึงติดข้องในนิมิตของสิ่งที่มีจริง เหมือนกับการอยู่ในโลกของนิมิตตั้งแต่เกิดจนตาย โดยไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้ว สิ่งที่ปรากฏให้เห็นแท้จริงคืออะไร เช่น ดอกไม้สวย ธาตุดินแข็งหรือสวย ก็ไม่ใช่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เกิดอยู่ที่ธาตุดิน น้ำ ไฟ ลมที่สามารถกระทบตา ปรากฏเป็นรูปร่างสัณฐานต่างๆ แล้วหมดไม่เหลือ เหลือเพียงนิมิตเท่านั้นเอง ต้องมีความเห็นถูกเข้าใจถูก จึงจะไม่ติดในนิมิตอนุพยัญชนะ

บ้านธัมมะ ๒๒ ส.ค. ๕๕

รายการบ้านธัมมะ 22 สิงหาคม 2555

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nattawan
วันที่ 31 ส.ค. 2567

มีตาต้องเห็น มีหูต้องได้ยิน มีจมูกต้องได้กลิ่น มีลิ้นต้องลิ้มรส มีกายต้องกระทบสัมผัส มีเพื่อจะรู้สิ่งที่สามารถปรากฏให้รู้ได้ แต่เพราะสิ่งนั้นเกิดดับอย่างเร็ว แล้วไม่รู้ความจริง จึงมีความยึดมั่นในนิมิตของสิ่งที่เกิดดับสืบต่ออย่างเร็วมาก 🍃นี่คือชีวิตประจำวัน ติดข้องทุกสิ่งที่มีที่เกิดขึ้นแล้วเป็นอารมณ์ของสิ่งที่น่าพอใจสำหรับโลภะความติดข้องจะเกิดขึ้น

บ้านธัมมะ ๒๒ ส.ค. ๕๕

รายการบ้านธัมมะ 22 สิงหาคม 2555

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nattawan
วันที่ 31 ส.ค. 2567

☆ชีวิตไม่ได้ยืนยาวเลย เพียงเกิดขึ้นของจิตแต่ละขณะและดับไป

☆☆อกุศลของคนอื่นก็ติดตามคนอื่นไป อกุศลของเราก็ติดตามเราไปเช่นเดียวกัน อกุศลเกิดขึ้นเมื่อใดก็ทำร้ายตนเองเมื่อนั้น เป็นศัตรูภายใน ทำร้ายในภพนี้ไม่พอ ยังติดตามไปในภายหน้า โดยที่ไม่มีใครทำให้เลย เป็นเพราะเหตุที่ทำไว้แล้ว

บ้านธัมมะ ๘ ส.ค. ๕๕

รายการบ้านธัมมะ 8 สิงหาคม 2555

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nattawan
วันที่ 31 ส.ค. 2567

ธรรมะวันนี้ สี่คำ

#สัพพจิตตสาธารณเจตสิก เจตสิกที่ต้องเกิดกับจิตทุกประเภท ทุกขณะ

#โรค สภาพที่เสียดแทง

#ปฏิจจสมุปปาท สภาพธรรมที่อาศัยกันและกัน เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเป็นไป

#สัทธรรม ธรรมของผู้สงบหรือธรรมที่สงบจากกิเลส

บ้านธัมมะ
www.dhammahome.com

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 31 ส.ค. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
nattawan
วันที่ 31 ส.ค. 2567

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ