ชีวิตปกติ

 
nattawan
วันที่  2 ก.ย. 2567
หมายเลข  48397
อ่าน  174

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ชีวิตปกติ ... ชีวิตของผู้ที่ยังมีกิเลส ถ้ามีความเดือดร้อนกับกิเลส และความเห็นผิดที่อยากจะดับกิเลสด้วยความเป็นตัวตน ก็จะเป็นชีวิตที่ผิดปกติ ... แม้ว่ายังมีกิเลสถ้ามีความเห็นถูกตามธรรมะ ก็มีชีวิตที่เป็นปกติ และค่อยๆ สะสมอบรมปัญญาละคลายกิเลสอกุศลไปทีละน้อย

ชีวิตปกติที่มีกิเลสแต่อบรมเจริญปัญญา กับชีวิตที่ผิดปกติที่อยากจะไม่มีกิเลสโดยไม่มีปัญญา ... ชีวิตปกติที่มีกิเลส .. จริงไหม ... ไม่ใช่ฟังเผินๆ ผ่านจะไม่ได้สาระอะไรเลยทั้งสิ้น แต่ต้องยอมรับว่าเพราะไม่รู้ เพราะว่าเวลานี้ก็ไม่รู้ ได้ยินก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นก็เป็นชีวิตที่มีกิเลสที่ไม่รู้

แต่ละคำ แต่ละประโยคต้องไตร่ตรองจนกระทั่งเข้าใจขึ้น แม้แต่คำถามว่าเดี๋ยวนี้ใช่ไหม ... ต้องตรง ... เดี๋ยวนี้มีกิเลสเพราะไม่รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ เพราะฉะนั้นชีวิตปกติหรือเปล่าเดี๋ยวนี้ ... ปกติมีกิเลสเปลี่ยนได้ไหมให้เป็นปกติไม่มีกิเลส ... ไม่ได้!!! เป็นผู้ตรงถ้าเปลี่ยนเมื่อไหร่ก็ไม่ปกติ!!!

มีกิเลสแล้วไปเปลี่ยนให้ไม่มีกิเลสได้ยังไง ... ผิดทันที ไม่ได้ฟังพระธรรมด้วยความเข้าใจเลย เพราะฉะนั้นคำสอนเป็นที่พึ่ง ที่กล่าวว่ามีพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง มีพระธรรมเป็นที่พึ่ง คือมีคำสอนที่จะนำให้เกิดความเห็นถูก เข้าใจถูกจนถึงการสามารถรู้จริงๆ ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนเลยในสิ่งที่กำลังปรากฏ

อบรมปัญญาด้วยชีวิตปกติที่ยังมีกิเลส ... กำลังฟังเรื่องที่มีจริงๆ เราจะใช้คำว่าฟังธรรมะก็ได้ ... เป็นปกติ

แม้จะดูว่าสนใจศาสนาและรู้สึกเดือดร้อนในกิเลส เดือดร้อนในกิเลสมีจริงๆ ... ถูกหรือผิด ถึงมีจริงก็ไม่รู้ว่าไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้นเห็นชัดเลยระหว่างรู้กับไม่รู้ ... มีกิเลสแล้วเดือดร้อนจะรีบไปทำให้หมดกิเลส ... ผิดเลย เพราะเหตุว่าจะรีบได้ยังไง กิเลสสะสมมาตั้งแสนโกฏกัปด้วยความไม่รู้ แล้วจะไปทำอะไร ใครทำก็ผิดแล้ว ... ไม่มีเราเลย ... ไม่เข้าใจคำว่าภาวนาคืออบรมให้สิ่งที่ยังไม่มี ... มีขึ้น ให้สิ่งที่มีแล้วเพิ่มขึ้น

เพราะฉะนั้นภาวนาไม่ใช่ภาวนาไม่รู้ ... ไม่ใช่ภาวนาให้ไม่รู้เลย ... ไม่ใช่ภาวนาให้ไม่รู้ยิ่งขึ้น แต่ภาวนาให้มีความเห็นถูกทีละเล็กทีละน้อย เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีการฟังเลย จะมีความเห็นถูกได้ไหม ... ไม่มีทางเป็นไปได้เลย

ที่ต้องมาฟังธรรมกันเพราะว่ามีกิเลสมาก แล้วก็มีตัวตนที่จะไปล้มล้างกิเลสให้ได้ตามที่เราต้องการ ... ก็ผิดอีก เพราะว่าธรรมะคือไม่ใช่เราเป็นอนัตตาทุกอย่าง อกุศลก็มีปัจจัยเกิดขึ้น กุศลก็มีปัจจัยเกิดขึ้น

จนกว่าจะมีความเข้าใจที่มั่นคง ค่อยๆ เริ่มเข้าใจกว่าจะละคลายความเป็นเราจนหมดความเป็นเราตามความเป็นจริง ไม่ใช่ตามที่ต้องการ คิดหวังหรือเข้าใจผิดคิดว่าไม่มีเราอีกต่อไปแล้วด้วยไม่รู้อะไรในขณะนี้

มีชีวิตปกติตามฐานะของแต่ละคนที่จะมี ตอนนี้เป็นปุถุชนที่มีกิเลสมากตามการสะสม กิเลสก็ต่างๆ กันไปหลากหลายแต่ละหนึ่ง นั่นคือปกติของธรรมะที่สะสมมาที่จะต้องเป็นอย่างนั้น ทุกอย่างเป็นปกติ แต่เข้าใจยากที่สุดเพราะว่าอยาก

เดี๋ยวนี้มีธรรมะฟังแล้วเข้าใจ ... อยากทำอะไร? อยากจะให้ธรรมะดีๆ เกิดเลย สิ่งที่ไม่ดีพวกกิเลสน้อยลงไป ... เป็นไปไม่ได้ แต่ตอนโลภะเกิดมีโมหะด้วย ...

แล้วพระธรรมมีประโยชน์อย่างไร?? ... มีประโยชน์ให้รู้ความจริงว่าบังคับไม่ให้อยากไม่ได้ แต่ว่ารู้ตามความเป็นจริงว่าอยากไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้นเห็นโทษแล้วเพราะอยากจึงผิด ... ไม่เป็นปกติเลย เมื่อไหร่ที่ค่อยๆ เข้าใจว่าไม่ใช่เราแต่เป็นธรรมะ ... ถูกต้องที่สุด!!!

เชิญชม " ชีวิตปกติ "

เนื้อหาในการดำเนินรายการสนทนาธรรมกับคณะอาจารย์ มศพ.
วันจันทร์ที่ ๒ กันยายน ๒๕๖๗ เวลา ๑๐.๐๐-๑๑.๓๐ น.

สามารถรับฟังได้ทาง : youtu.be/UB2mdPzcbgA?si=xqzLT2NYWT1ed74A

ดำเนินรายการโดยอาจารย์ อาจารย์คำปั่น อักษรวิลัย

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nattawan
วันที่ 2 ก.ย. 2567

สนทนาธรรมเพื่อความเข้าใจธรรมตรงตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง

ชีวิตปกติเกื้อกูลให้ได้เข้าใจความเป็นจริงของธรรมะอย่างไร? ชีวิตปกติและไม่ปกติเป็นอย่างไร?

ชีวิตที่ดำเนินไปในแต่ละวันๆ ก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย ชีวิตปกติไม่ค่อยมีคนสนใจ แต่นี่คือการผิวเผิน ละเลยในความเป็นไปของธรรมะที่เป็นปกติเป็นธรรมดาของธรรมะ จะไม่มีทางเลยที่จะรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงเพราะสะสมกิเลสมามาก และปกติก็มีแต่กิเลสอกุศล เพราะฉะนั้นผู้ที่มีกิเลสและรู้ว่ามีกิเลสก็ย่อมประเสริฐ จากชีวิตที่เต็มไปด้วยกิเลสอกุศลเป็นปกติเพราะเป็นไปตามการสะสม เมื่อกิเลสกลุ้มรุมอยู่ก็มากมาย เป็นปกติไหม?? แล้วค่อยๆ รู้ขึ้น จะต่างกับชีวิตที่ประกอบไปด้วยความไม่รู้เป็นปกติจึงผิดปกติ เพราะไม่เข้าใจความจริงจึงไปทำอะไรที่ไหนด้วยธรรมที่เป็นโลภะ ความเห็นผิดและความไม่รู้

ชีวิตปกติที่มีอกุศลมากมาย เจริญปัญญาท่ามกลางอกุศล ด้วยการเข้าใจอกุศลที่เกิดในชีวิตประจำวัน ไปสู่ชีวิตปกติที่เข้าใจขึ้นๆ ไปสู่ชีวิตปกติที่ไม่มีกิเลสอกุศลของพระอริยบุคคลทั้งหลายตามลำดับขั้น

ชีวิตที่จะนำไปสู่การดับกิเลสเป็นขั้นๆ จนไม่มีกิเลส ต้องรู้จสดการฟังธรรมะ ขณะนี้ ชีวิตปกติที่มีความเข้าใจปัญญาจะค่อยๆ มั่นคงขึ้น ไม่หวั่นไหวเป็นปกติ เพราะฉะนั้นชีวิตจะค่อยๆ ปกติขึ้นก็จากการค่อยๆ อบรมเจริญปัญญาโดยไม่ต้องไปปฏิบัติอะไรต่างๆ และยึดมั่นในความเป็นเราซึ่งเป็นชีวิตที่ผิดปกติ

ชีวิตปกติของผู้ที่ค่อยๆ อบรมเจริญปัญญา ... ปกติด้วยความจริง!!!

เมื่อไม่รู้ก็อยากละกิเลส อยากไม่มีกิเลส ก็ไม่เข้าใจในความเป็นปกติความเป็นธรรมดาของธรรมะ คือธรรมะทั้งปวงเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตนที่จะไปทำด้วยความไม่รู้ ก็จะเดือดร้อนด้วยกิเลสอกุศล และอยากไม่มีกิเลสอกุศล อยากละโดยไปปฏิบัติต่างๆ ขณะที่อยากก็เป็นอกุศลแล้วและทำอะไรที่ผิดปกติด้วยความไม่รู้ก็ผิดปกติแล้ว

ถ้าฟังธรรมะด้วยความเข้าใจ ขณะนั้นก็คลายความอยากที่จะไปทำอะไรๆ ไม่ให้อกุศลเกิด เพราะเป็นกิจของโสภณธรรมที่จะละกิเลสอกุศล ไม่ใช่กิจหน้าที่ของโลภะ โดยเฉพาะโลภะที่เกิดร่วมกับความเห็นผิด จึงหลากหลายเป็นข้อวัตรปฏิบัติที่ผิด (สีลัพพตปรามาส)

ฟังพระธรรมหนทางเดียวเท่านั้นไตร่ตรอง มั่นคง เริ่มต้นอบรมเจริญปัญญาท่ามกลางอกุศล

ผู้ศึกษาไม่ดีย่อมเป็นเหตุให้เกิดความเข้าใจผิดได้ ด้วยความไม่รอบรู้ในพระพุทธพจน์ ต้องศึกษาอย่างไรให้เป็นผู้ตรงและไม่เกิดความเห็นผิดว่าเป็นตัวเรา??

ต้องศึกษาสามปิฏกด้วยความสอดคล้องกันหมด ไม่ลืมว่าธรรมะทั้งปวงเป็นอนัตตา ไม่ลืมว่าอะไรละอกุศลและละความยินดีในรูป เวทนาสัญญา สังขาร วิญญาณได้ และเห็นโทษของกิเลสอกุศลเป็นไปตามลำดับที่ทรงแสดงไว้ ต้องเข้าใจในแต่ละคำว่าธรรมะทั้งปวงเป็นอนัตตา เป็นปกติเป็นธรรมดา!!! ไม่มีใครละ แต่เป็นธรรมะที่ละ สมควรอบรมเจริญปัญญาและปัญญาจะเป็นเหตุรู้แล้วละๆ ไปเรื่อยๆ

เข้าใจธรรมะเดี๋ยวนี้เป็นปกติ เป็นชีวิตที่เป็นปกติในขณะที่เกิดขึ้นเป็นไป

เชิญชม

สนทนาธรรมออนไลน์
เรื่อง "ชีวิตปกติ"

กับ คณะอาจารย์ มศพ.

วันจันทร์ที่ 2 กันยายน 2567
เวลา 10.00 - 11.30 น.

🟦Facebook​ : วิทยุออนไลน์​บ้านธัมมะ
www.facebook.com/share/v/SwzoshxTQ816b9EP/?mibextid=qi2Omg

🟦Facebook​ : ชมรมบ้านธัมมะ
www.facebook.com/share/v/35Xjdjj1enqX1RJe/?mibextid=qi2Omg

🟥YouTube : มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
www.youtube.com/live/SMj8lpSsCfM?si=UI5fc3EccEOJtIq6

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nattawan
วันที่ 2 ก.ย. 2567

ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 3 ก.ย. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ