ไม่ใช่เราปฏิบัติ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ไม่ใช่ตัวเราที่จะปฏิบัติธรรม แต่เป็นปัญญาและธรรมฝ่ายดีซึ่งเกิดขึ้นทำหน้าที่เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง
ไม่รู้ไม่เข้าใจอะไรเลยแล้วไปสำนักปฎิบัติ ตรงคือถูกหรือผิด เป็นคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือเปล่า? เพราะพระองค์ตรัสรู้ธรรมะโดยทรงบำเพ็ญพระบารมีสี่อสงไขยแสนกัป บารมีคืออะไร? จากความไม่รู้สู่ความรู้จนสามารถที่จะดับกิเลสซึ่งเกิดจากความไม่รู้ได้ ... ยากไหมแม้แต่จะฟังให้เข้าใจว่าไม่ใช่เราปฏิบัติ แต่ธรรมะที่เข้าใจขึ้นแล้วต่างหาก ถึงเวลาที่จะเกิดขึ้นปฏิบัติกิจนั้นๆ
ขณะนี้เพียงขั้นเริ่มฟัง ปัญญาเกิดหรือยัง? ถ้าเข้าใจเมื่อไหร่ภาษาบาลีใช้คำว่าปัญญา น้อยหรือมาก แค่นี้หรือจะไปปฎิบัติธรรมมะ นี่คือไม่ฟังด้วยความเคารพ ไม่มีการที่จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามที่พระองค์ตรัสไว้ว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา"
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมีนานเท่าไหร่ ... บารมี 10 ประการ ขันติบารมี รู้ว่าสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้จริงแน่ๆ คือเกิดแล้วดับแล้ว จะรู้ได้ยังไง? ไม่ใช่เรารู้ ไม่ใช่เราไปพยายามทางหนึ่งทางใด เร่งรัดให้เกิดความรู้ นั่นคือไม่สามารถที่จะเข้าใจแม้แต่คำว่า "ธรรมะทั้งหลายเป็นอนัตตา"
พระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกคำ "ธรรมะทั้งหลายเป็นอนัตตา" แม้แต่ๆ ละคำที่ได้ฟัง เสียงต้องเกิดแล้วดับก่อนที่จะคิดความหมายของเสียงสูงๆ ต่ำๆ ในแต่ละภาษา เพราะว่าคำเดียวกันต่างภาษาความหมายก็ต่างกันแล้ว บางคำก็คล้ายคลึงกันอย่าง "ไฟ" ก็มีภาษาอื่นที่มีความหมายอย่างเดียวกัน สำเนียงแตกต่างกันบ้าง แต่คำอื่นๆ อีกล่ะ
ทุกสิ่งทุกอย่างมาจากการที่ถ้าไม่มีการได้ยินได้ฟังธรรมะจะไม่เข้าใจอะไรเลยทั้งสิ้นว่าเราฟังทำไม แม้แต่เดี๋ยวนี้เราฟังทำไม? เมื่อวานนี้ก็ฟังวันนี้ก็ฟัง พรุ่งนี้ก็ฟัง ฟังเพื่อเข้าใจสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ จนกว่าจะเข้าใจ นี่คือขันติความอดทนอย่างยิ่ง ไม่ถึงขั้นปฏิบัติเพราะเหตุว่ายังไม่ได้เข้าใจเพียงพอที่รอบรู้และแทงตลอดในสิ่งที่กำลังปรากฏ จึงรู้ว่าไม่ใช่เราเลย ค่อยๆ ละความเป็นเราจากความเข้าใจขึ้นทีละเล็กทีละน้อย จนกระทั่งมีความเข้าใจที่มั่นคง ไม่ใช่เราปฏิบัติแต่ปัญญาและสติสัมปชัญญะและสภาพธรรมะที่จะนำไปสู่การรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ร่วมกันปฏิบัติกิจของแต่ละธรรมะนั้น เพื่อนำไปสู่การเข้าถึงคำที่เรากำลังได้ฟังว่า ขณะนี้ไม่ใช่เรา
บารมี 10 ต้องเป็นสัจจบารมี ตรงและจริงต่อความจริงที่ยากแสนยาก กว่าจะถึงการที่จะรู้จริงๆ ก็ต้องอดทนและก็ความเพียรมีอยู่ทุกขณะ ไม่ต้องไปพากเพียรทำความเพียรด้วยความเป็นตัวตน เพราะธรรมะทั้งหลายเป็นอนัตตา
เดี๋ยวนี้ก็เพียร เมื่อไหร่ก็เพียร แต่ขณะไหนเพียรขณะไหนไม่เพียร ยากที่จะรู้ได้ เพราะเหตุว่าสภาพธรรมะเกิดดับสืบต่อเร็วมาก ทั้งหมดด้วยการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ทรงแสดงความจริงของจิตธาตุรู้ซึ่งเป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้สิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ทีละหนึ่งจิต ขณะนี้จิตเกิดดับนับไม่ถ้วน แต่พระปัญญาคุณที่ทรงตรัสรู้ก็เห็นความจริงว่า ถ้าไม่ทรงแสดงความจริงของสิ่งที่มีเลย สัตว์โลกจะเข้าถึงความจริงนี้ได้อย่างไร จึงมีปริยัติฟังเข้าใจเพื่อให้ปัญญาที่เข้าใจแล้วได้ทำกิจต่อไปคือปฏิบัติและปฏิเวธ
คำสอนของพระพุทธเจ้าที่จะไม่ให้เกิดปัญญาเป็นไปไม่ได้ ... ไม่มี ... ถ้าคำใดไม่ทำให้เข้าใจขึ้นในสิ่งที่มีจริง คำนั้นไม่ใช่คำของพระพุทธเจ้า เป็นคำของคนอื่นทั้งหมด
เชิญชม
" ไม่ใช่เราปฏิบัติ "
เนื้อหาในการดำเนินรายการสนทนาธรรมกับคณะอาจารย์ มศพ.
วันจันทร์ที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๗ เวลา ๑๐.๐๐-๑๑.๓๐ น.
สามารถรับฟังได้ทาง : youtu.be/HeT7eChWTP4?si=TosJ5PbO7130aA6o
ดำเนินรายการโดยอาจารย์ณภัทร เรืองจันทร์ฤทธิ์
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
ปฎิบัติธรรมหลายท่านคงเคยได้ยินและหลายท่านเคยไปปฎิบัติธรรมต่างๆ เมื่อพูดถึงคำว่าปฎิบัติธรรมผู้ฟังนึกถึงอะไร? นึกถึงต้องนุ่งขาวห่มขาว ปิดวาจา ทำสมาธิ เดินจงกรม ซึ่งไม่น่าจะเกิดปัญญาเลย เป็นการสะสมความเป็นเราเพิ่มขึ้น สะสมกิเลสเพิ่มขึ้น
"ถ้าไม่มีปริยัติ (ความรอบรู้ในพระพุทธพจน์) ปฏิบัติ (ถึงเฉพาะ) มีไม่ได้" ต้องได้ยินคำที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง การจะถึงเฉพาะลักษณะของสภาพธรรมะ ต้องมีรากฐานคือความเข้าใจธรรมะ ก็ต้องฟังพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ต้อง เข้าใจตั้งแต่ต้น ธรรมะมีทุกขณะ ถ้าความเข้าใจพร้อมมีปัจจัยให้ถึงเฉพาะคือปฏิบัติ ไม่ใช่ทำตามๆ กันซึ่งไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่มีทางที่จะเข้าใจอะไรได้เลย ที่ปฏิบัติผิดมาจากความไม่รู้และประมาทในคำสอนของพระพุทธเจ้า
ถ้าไม่มีปริยัติ ปฏิบัติเกิดไม่ได้ เป็นคำกล่าวที่จริงและถูกต้อง เกิดมาเป็นมนุษย์ได้พบพระพุทธศาสนาและได้ยินได้ฟังพระธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่จะได้รับประโยชน์จากพระพุทธศาสนาหรือไม่ ขึ้นกับการพิจารณาไตร่ตรองและความเข้าใจของแต่ละบุคคลตามที่ได้สะสมมา
ความคิดที่จะไปปฎิบัติทำลายคำสอนของพระพุทธเจ้า "ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา" เพราะมีเราไปปฏิบัติซึ่งเป็นอัตตา (เพราะไม่รู้จึงเห็นผิด) แต่ความจริงเป็นธรรมะที่ไม่ใช่เรา เป็นอนัตตา ต้องฟังจนความเข้าใจมั่นคงจริงๆ ปัญญาถึงเฉพาะลักษณะจริงๆ ที่เกิดขณะนี้ จนสามารถแทงตลอดในสภาพธรรมะว่าเป็นเพียงธาตุรู้ไม่ใช่ธาตุที่ถูกรู้
เชิญชม
สนทนาธรรมออนไลน์
เรื่อง "ไม่ใช่เราปฏิบัติ"
กับ คณะอาจารย์ มศพ.
วันจันทร์ที่ 9 กันยายน 2567
เวลา 10.00 - 11.30 น.
🟦Facebook : วิทยุออนไลน์บ้านธัมมะ
www.facebook.com/share/v/Z11EiMJ3He7t6ArE/?mibextid=qi2Omg
🟦Facebook : ชมรมบ้านธัมมะ
www.facebook.com/share/v/vGvpLVe1XDUYmH5N/?mibextid=qi2Omg
ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ