เหมือนชิ้นขนมคูถและโคมัยในกระเช้าของคนบ้า
[เล่มที่ 11] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๒๔๓ -๒๔๔
ข้อว่า เอสิกฏายี ิโต ความว่า ตั้งมั่นเป็นเหมือนเสาระเนียดที่ตั้งอยู่ เหตุนั้น จึงชื่อว่า เอสิกฏายิฏิโต. อธิบายว่า เสาระเนียดที่ฝังแน่นย่อมตั้งมั่นไม่หวั่นไหว ฉันใด อัตตาและโลกก็ตั้งมั่นเหมือนฉันนั้น. ด้วยบททั้งสอง ย่อมแสดงว่าโลกไม่พินาศ. แต่อาจารย์บางพวกกล่าวเป็นพระบาลีว่า อีสิกฏฐายิฏิโต แล้วกล่าวว่า ตั้งอยู่ดุจไส้หญ้าปล้อง. ในคําของอาจารย์บางพวกนั้น มีอธิบายดังนี้ว่า คําที่กล่าวว่าย่อมเกิด นั้น มีอยู่ ย่อมออกไปดุจไส้ออกจากหญ้าปล้องตั้งอยู่ เพราะเหตุที่ตั้งอยู่ดุจไส้หญ้าปล้องตั้งอยู่ ฉะนั้น สัตว์เหล่านั้น จึงแล่นไป คือจากภพนี้ไปในภพอื่น.
บทว่า สํสรนฺติ ความว่า ท่องเที่ยวไปๆ มาๆ
บทว่า จวนฺติ ความว่า ถึงการนับอย่างนี้
บทว่า อุปปชฺชนฺติ ก็เหมือนกัน
แต่ในอรรถกถาท่านกล่าวว่า ด้วยการที่ท่านได้กล่าวไว้ในเบื้องต้นว่า โลกและอัตตาเที่ยง ดังนี้ มาบัดนี้กลับกล่าวว่า ส่วนสัตว์เหล่านั้นย่อมแล่นไป ดังนี้เป็นต้น สมณะ หรือพราหมณ์ผู้มีทิฏฐินี้ ชื่อว่า ย่อมทําลายวาทะของตนด้วยตนเอง ชื่อว่า ความเห็นของผู้มีทิฏฐิ ไม่เนื่องกัน หวั่นไหวเหมือนหลักที่ปักประจําในกองแกลบ และในความเห็นนี้ ย่อมมีทั้งดีทั้งไม่ดี เหมือนชิ้นขนมคูถและโคมัยเป็นต้น ในกระเช้าของคนบ้า
ปล้อง. ในคําของอาจารย์บางพวกนั้น มีอธิบายดังนี้ว่า คําที่กล่าวว่าย่อมเกิด นั้น มีอยู่ ย่อมออกไปดุจไส้ออกจากหญ้าปล้องตั้งอยู่ เพราะเหตุที่ตั้งอยู่ดุจไส้หญ้าปล้องตั้งอยู่ ฉะนั้น สัตว์เหล่านั้น จึงแล่นไป คือจากภพนี้ไปในภพอื่น.
บทว่า สํสรนฺติ ความว่า ท่องเที่ยวไปๆ มาๆ
บทว่า จวนฺติ ความว่า ถึงการนับอย่างนี้
บทว่า อุปปชฺชนฺติ ก็เหมือนกัน
แต่ในอรรถกถาท่านกล่าวว่า ด้วยการที่ท่านได้กล่าวไว้ในเบื้องต้นว่า โลกและอัตตาเที่ยง ดังนี้ มาบัดนี้กลับกล่าวว่า ส่วนสัตว์เหล่านั้นย่อมแล่นไป ดังนี้เป็นต้น สมณะ หรือพราหมณ์ผู้มีทิฏฐินี้ ชื่อว่า ย่อมทําลายวาทะของตนด้วยตนเอง ชื่อว่า ความเห็นของผู้มีทิฏฐิ ไม่เนื่องกัน หวั่นไหวเหมือนหลักที่ปักประจําในกองแกลบ และในความเห็นนี้ ย่อมมีทั้งดีทั้งไม่ดี เหมือนชิ้นขนมคูถและโคมัยเป็นต้น ในกระเช้าของคนบ้า
...
[เล่มที่ 26] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 66
จริงอยู่ เธอเห็นแต่คนที่ทำคำข้าวใหญ่ๆ แล้วบริโภคอาหารเป็นคำๆ เพราะเหตุนั้น เธอจึงมีลัทธิความเห็นว่า ตัวเองรู้.
ก็เธอเห็นแต่นกคุ่ม นกกระทา นกยูงและไก่ เป็นต้น เลี้ยงชีวิตอยู่ด้วยมาตุสัมผัส จึงมีความเห็นว่า สัตว์เหล่านั้นเลี้ยงชีวิตด้วยมาตุสัมผัส. ส่วนเต่าขึ้นจากทะเลในอุตุสมัยของตน แล้ววางไข่ที่หลุมทรายริมฝั่งทะเลแล้วเอาทรายกลบ จึงลงไปสู่ทะเลตามเดิม. ไข่เหล่านั้นไม่เสีย (ไม่เน่า) ด้วยอำนาจระลึกถึงแม่. เธอมีลัทธิความเห็นว่า ไข่เหล่านั้นมีชีวิตอยู่ได้ด้วยมโนสัญเจตนาหาร.
แม้พระเถระมีความเห็นอย่างนั้นก็จริง ถึงกระนั้นท่านก็หาถามปัญหานี้ตามความเห็นนั้นไม่. เพราะท่านถือทิฏฐิเป็นเสมือนคนบ้า. คนบ้าถือกระเช้าข้ามระหว่างถนนก็เก็บเอาโคมัยบ้าง ก้อนหินบ้าง คูถบ้าง ท่อนเชือกบ้าง สิ่งของนั้นๆ ชอบใจบ้าง ไม่ชอบใจบ้าง ก็เก็บใส่ลงในกระเช้า ฉันใด พระเถระผู้ถือทิฏฐินี้ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ถามปัญหาที่ควรบ้าง ไม่ควรบ้าง.
...
ขอเชิญคลิกฟังได้ที่ ...
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ