ตั้งสติ
คิดว่า สามารถตั้งสติได้
ไม่มีใครไปบังคับให้สติระลึกที่นั่นที่นี่ได้
ผู้ที่จะเจริญปัญญา ต้องอาศัยการฟัง และรู้ว่าตนเองมีกิเลสมาก และกิเลสนั้นอยู่ในขณะไหน
ขณะที่เห็น และไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังปรากฏโดยสภาพที่แท้จริงเป็นอะไร ที่จะกล่าวว่าเป็นอนัตตา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ขณะที่กำลังได้ยิน และ ไม่รู้ว่าสภาพที่กำลังได้ยินเป็นอนัตตา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เพราะ สภาพที่กำลังได้ยินเป็นธาตุชนิดหนึ่ง เป็นอาการรู้ เป็นลักษณะรู้เสียงที่กำลังปรากฏ
คือ ไม่รู้ตัวเองว่ามีความไม่รู้ซึ่งจะต้องละความไม่รู้ เพราะฉะนั้น การอบรมเจริญปัญญา สติจะระลึกลักษณะของสภาพธรรมเพื่อเข้าใจลักษณะของ สภาพธรรมนั้นให้ถูกต้องตามความเป็นจริง ตามที่เคยได้ยินได้ฟัง และพิจารณา ในขณะที่สติระลึกที่ลักษณะของสภาพธรรมนั้น
สำหรับผู้ที่เจริญปัญญาเพื่อละความไม่รู้ย่อมรู้ว่า สติเป็นอนัตตา สติเกิดเพราะอาศัยปัจจัย สำคัญที่สุด คือ เข้าใจเรื่องสภาพธรรมที่กำลังปรากฏมากพอที่สติจะเกิดระลึกรู้ในลักษณะนั้นๆ ได้ถูกต้อง เช่น เข้าใจเรื่องของสิ่งที่ปรากฏทางตาละเอียดขึ้น ซึมซาบ เข้าใจจนกระทั่งสติเกิดระลึกได้ว่า ขณะนี้สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง
ความเข้าใจต้องมีก่อน เมื่อความเข้าใจมีแล้ว สติจะระลึกลักษณะของ สภาพธรรมอะไรก็ได้ สติเกิด และดับ ไม่มีใครไปบังคับให้สติระลึกที่นั่นที่นี่ได้ แต่ ความเข้าใจผิดหรือมิจฉาทิฏฐิทำให้ตัวเอง คิดว่า สามารถตั้งสติ หรือสามารถให้สติกำหนดที่นั่นที่นี่ได้ นั่นคือความเห็นผิด คือ ขณะนั้นไม่เข้าใจลักษณะของสติว่า เป็นอนัตตา
รับฟัง และ อ่านเพิ่มเติม
ขอถวายความนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า
กราบเท้า ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
กราบขอบพระคุณและยินดียิ่งในกุศลผู้มีคุณทุกท่าน ทุกประการ