ภัยภิบัติ น้ำท่วม
ไม่ควรประมาทในการเจริญกุศล ทุกชาติต้องมีทั้งสุขและทุกข์ ไม่มีใครพ้นไปได้ ชีวิตไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ทุกชีวิตที่เกิดมาแต่ละภพแต่ละชาติ ไม่แน่นอนเลย มีการเปลี่ยนแปลง บางครั้งก็เป็นกุศล บางครั้งก็เป็นช่วงเวลาของอกุศล ซึ่งไม่มีใครสามารถรู้การสะสมของกุศลและอกุศลว่า ในกาลไหนจะเป็นปัจจัยให้อกุศลเกิดมาก และในกาลไหน จะเป็นปัจจัยให้กุศลประเภทใดเกิดมาก เพราะฉะนั้น ไม่ควรประมาทในการเจริญกุศล
พราหมณ์ผู้หนึ่ง ซึ่งหักร้างถางป่า เพื่อทำไร่ พราหมณ์นั้นกราบทูลว่า ตนจะถวายมหาทานแก่ภิกษุสงฆ์มีพระผู้มีพระภาคเป็นประมุข เมื่อข้าวกล้านี้สำเร็จแล้ว
ต่อมาเมื่อข้าวกล้าแก่แล้ว พราหมณ์นั้นก็ตกลงใจว่า พรุ่งนี้จะเกี่ยว แต่ ในคืนนั้นเองฝนลูกเห็บตกตลอดคืน น้ำในแม่น้ำอจิรวดีท่วมข้าว พัดไปไม่เหลือเลยแม้แต่ทะนานเดียว พราหมณ์นั้นเศร้าโศกเสียใจอย่างยิ่ง หมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ชีวิตไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
วันรุ่งขึ้น พระผู้มีพระภาค เสด็จไปหา ทรงแสดงธรรม เขาคลายความเศร้าโศกและได้บรรลุโสดาบัน
ทุกชาติต้องมีทั้งสุขและทุกข์ ไม่มีใครพ้นไปได้ เพราะฉะนั้น ในยามทุกข์ ใครสามารถช่วยคนอื่นให้คลายทุกข์ได้ นั่นก็ต้องเป็นปัญญา เพราะว่าอย่างอื่น ย่อมไม่สามารถทำให้คลายทุกข์ได้
วันหนึ่งก็คงจะถึงวันนั้น คือ วันที่รู้แจ้งอริยสัจจธรรมเป็นพระโสดาบัน ถ้าเข้าใจข้อปฏิบัติที่ถูก เจริญกุศล และอบรมเจริญปัญญาไปเรื่อยๆ
รับฟังเรื่องของพราหมณ์นั้น
กามชาดก (ไม่ประมาทในการเจริญกุศล)