ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๘๕

 
khampan.a
วันที่  6 ต.ค. 2567
หมายเลข  48642
อ่าน  593

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๘๕





~ พระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รุ่งเรืองเมื่อมีผู้เข้าใจถูก แต่ถ้าไม่กล่าวคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เข้าใจ ไม่ใช่พระพุทธศาสนารุ่งเรือง กลับล่มสลายถูกทำลายด้วยความเข้าใจผิด

~ ไม่ทอดทิ้งธุระในการศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ เมื่อเข้าใจพระธรรม ก็สามารถที่จะรู้ว่าการกระทำใดๆ ที่จะเป็นการดำรงรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้ ต้องเป็นการกระทำที่ถูก ถ้าเป็นการกระทำที่ผิด ทำลายพระพุทธศาสนา ไม่ใช่ดำรงรักษาพระพุทธศาสนา

~ เห็นประโยชน์ของการฟังพระธรรมหรือไม่? ถ้าฟังอีก ก็จะเข้าใจเพิ่มมากขึ้น ถ้าเห็นประโยชน์แล้วจะฟังแน่ๆ เพราะว่า เราฟังอย่างอื่นมามากแล้ว แต่การได้ฟังพระธรรมเป็นการฟังสิ่งที่มีประโยชน์กว่าสิ่งใดๆ ที่เราเคยฟังทั้งหมดทั้งสิ้น

~ ถึงแม้ว่าท่านจะมีทรัพย์น้อย มีอาหารหรือมีเสื้อผ้ามีเครื่องนุ่งห่มน้อย แต่ว่าจิตใจของท่านที่เป็นผู้มักสละสิ่งที่ท่านมีอยู่แม้เล็กๆ น้อยๆ เพื่อประโยชน์แก่บุคคลอื่น ก็สามารถที่จะสละอย่างสม่ำเสมอ เป็นกิจวัตรได้ คงจะเคยเห็นผู้ที่มีทรัพย์น้อย แต่ว่าเกื้อกูลกันเสมอทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เสื้อผ้า ยารักษาโรค เพราะเหตุว่าเป็นผู้ที่มีปกติให้ที่ได้สะสมมาแล้ว

~ ถึงแม้จะมีทรัพย์สินเงินทองมากมายมหาศาล ก็ยังเป็นทุกข์ แสดงว่าทุกข์เพราะติดข้อง ถ้าสามารถจะละความติดข้องในทุกสิ่งทุกอย่างได้ จะไม่มีความทุกข์เลย แต่ว่าตราบใดที่ยังมีความติดข้องไม่ว่าจะในอะไรทั้งสิ้น ก็ย่อมนำมาซึ่งความทุกข์

~ พระธรรมย้ำแล้วย้ำอีกว่าแต่ละคนนั้นมีกิเลสมากจริงๆ เพื่อจะได้ไม่ประมาทในการเจริญกุศลขัดเกลากิเลส เพราะเห็นโทษของกิเลส จึงมีการเจริญกุศลยิ่งขึ้น

~ ธรรมทานมีประโยชน์อย่างยิ่ง เมื่อรู้คุณรู้ประโยชน์อย่างยิ่งของธรรมก็พร้อมที่จะให้ธรรมกับคนอื่นที่เขาสามารถจะเข้าใจได้ ให้ทรัพย์สิ่งของให้อภัยแต่ไม่ให้ธรรมทานก็ขาดประโยชน์ที่สูงสุด เพราะฉะนั้น กุศลสูงสุดเมื่อมีแล้วก็ควรที่จะให้แก่คนอื่นได้มีด้วย ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีประโยชน์สูงสุดเมื่อเข้าใจ

~ ทุกอย่างชั่วคราว อยู่ในโลกนี้ชั่วคราว แต่ละขณะก็ชั่วคราว ทำดี ดีที่สุด

~ เบิกบานไหมที่ได้ฟังพระธรรมแล้วเข้าใจถูกว่ามีกิเลส เพราะฉะนั้น ปัญญาไม่ได้ทำให้เกิดความเดือดร้อน ไม่ได้ทำให้เกิดความทุกข์ แม้รู้ว่ามีกิเลส แต่เป็นความเข้าใจถูก ก็เบิกบานที่ได้เข้าใจความจริงว่าเป็นผู้ที่มีกิเลสนั่นถูกต้องแล้ว

~ ควรเห็นโทษของอกุศลกรรม แล้วเมตตาในทุกคนที่กำลังได้รับผลของอกุศลกรรม อย่าให้เราเป็นคนที่ทำกรรมนั้น ถ้าคิดอย่างนี้ก็สบาย ไม่ต้องทำอะไรเลย คนที่เรารักหรือเราโกรธ ล้วนตายทั้งนั้น ตามกรรมของเขาด้วย

~ สิ่งที่ประเสริฐที่สุดเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมดในบรรดาสิ่งที่เกิดขึ้น คือ ปัญญา ความเห็นถูกต้อง ทุกข์เกิดเพราะไม่รู้ความจริง แต่ปัญญาเกิดไม่เป็นทุกข์เลย เพราะเข้าใจถูกว่าไม่มีอะไร นอกจากสิ่งที่เกิดแล้วดับไปชั่วคราว แล้วจะไปเดือดร้อนกับอันไหน เพราะดับหมดแล้วไม่เหลือเลย

~ ถ้าได้ยินใครที่กำลังเดือดร้อนเพราะความไม่ดีของคนอื่น ก็คิดถึงลักษณะของช่างชุนผ้าที่คลี่ผ้าออกและตรวจหาดูผ้าทะลุ เพราะฉะนั้น ก็คิดถึงแต่อคุณ คือ ความไม่ใช่คุณของบุคคลอื่นทั้งนั้นในวันหนึ่งๆ ถ้าใคร่ที่จะรู้ว่าอกุศลธรรมในตนเองมีมากเพียงไร จะอ่านได้ในพระไตรปิฎกและในอรรถกถา ซึ่งพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงจะไม่พ้นไปจากอกุศลธรรมและกุศลธรรม

~ ถ้ามีความเข้าใจแล้ว ก็จะค่อยๆ คลายความติดข้อง หนทางเดียวที่จะละโลภะที่ติดข้องในความเป็นเรา ก็คือ เข้าใจสิ่งที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อนที่มีอยู่เป็นปกติในชีวิตประจำวัน

~ ถ้าเป็นผู้ที่ตรงและมีเหตุผลแม้จะเคยเข้าใจผิด แต่พอได้ฟังสิ่งที่ถูกก็สามารถที่จะรู้ได้ว่าอะไรผิดอะไรถูก ก็สามารถที่จะทิ้งสิ่งที่ผิดได้ เพราะฉะนั้น ทั้งหมด ก็คือ อนัตตา ไม่ใช่เรา

~ สำหรับผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ ก็ควรจะพิจารณาเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง ถ้ารู้สึกตัวว่าจิตเน่า ก็น่ารังเกียจมาก ต้องใช้ยารักษา มิฉะนั้นแล้ว ไม่สามารถทำให้จิตเน่ากลับคืนสู่สภาพปกติได้ จึงต้องฟังพระธรรม และอบรมเจริญกุศลทุกประการให้ถึงพร้อม

~ ถ้าเราคิดถึงตัวเองน้อยลงๆ คนอื่นจะมีความสุขรอบข้าง

~ การให้อภัยยังยาก เพราะฉะนั้น การที่จะรู้ว่าไม่ใช่เราเป็นธรรมจะยากมากกว่านี้สักแค่ไหน

~ ต้องเป็นบารมีความดีเท่านั้นที่จะไม่ให้โอกาสแก่อกุศลเพิ่มขึ้น จึงสามารถที่จะค่อยๆ เข้าใจสิ่งที่มีทีละเล็กทีละน้อยตามความเป็นจริงได้

~ เพียงการที่กุศลจิตเกิด ก็เป็นสิ่งที่จะทำให้อกุศลไม่เกิด

~ ถ้าอภัยให้คนอื่นไม่ได้แล้วจะรู้ความจริงได้ไหม เพราะฉะนั้น ต้องมั่นคงในบารมี

~ ไม่ให้อภัยเมื่อไหร่ เป็นโทษกับตัวเองเมื่อนั้น

~ การเข้าใจความจริงทีละเล็กทีละน้อยเท่านั้นจะทำให้บารมีเพิ่มขึ้น

~ บารมีเพิ่มขึ้น หมายความว่า ความไม่รู้น้อยลง

~ ฟังพระธรรมเพื่ออะไร? เพื่อรู้ว่าเราไม่ดี ใครก็แก้ไขให้ไม่ได้ ขณะที่ไม่อภัย ขุ่นเคืองใจไหม? เบียดเบียนตัวเอง อยู่ดีๆ แทนที่จะสบายๆ อภัยเสีย ก็กลายเป็นอภัยไม่ได้ เดือดร้อน และการกระทำของการไม่อภัยทำอะไรบ้าง? ทั้งกายทั้งวาจาเป็นโทษที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน เพราะฉะนั้น ความหวังดี พูดด้วยความหวังดีอย่างหนึ่ง พูดแบบตำหนิติเตียน (ด้วยอกุศล) ต่างกับหวังดี เพราะฉะนั้น ต้องรู้ใจตัวเอง ฟังธรรม รู้ความจริงว่าอกุศลมีโทษมาก แล้วในสังสารวัฏฏ์ไม่ต้องนับ มากมายแค่ไหนเพียงชาตินี้ชาติเดียวตั้งแต่ตื่นมาเป็นกุศลหรืออกุศล? ยังไม่พอ ยังเพิ่มอีก ไม่ละอีก เพราะฉะนั้น ฟังพระธรรมเพื่ออะไร? เพื่อเห็นโทษ (ของอกุศล) เพื่อรู้ว่าการประพฤติตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะเป็นการบูชาสูงสุดในพระคุณที่พระองค์ทรงสามารถทำให้จิตซึ่งเดือดร้อนเพราะอกุศลพ้นจากความเดือดร้อนได้



ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๘๔




... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
swanjariya
วันที่ 6 ต.ค. 2567

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
มังกรทอง
วันที่ 6 ต.ค. 2567

ฟังธรรม ฟังคำองค์พระศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 6 ต.ค. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
jaturong
วันที่ 6 ต.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
shsso2551
วันที่ 6 ต.ค. 2567

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เจียมจิต สุขอินทร์
วันที่ 7 ต.ค. 2567

~ ฟังพระธรรมเพื่ออะไร? เพื่อรู้ว่าเราไม่ดี

"กราบอนุโมทนาค่ะ"

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
เซจาน้อย
วันที่ 7 ต.ค. 2567

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
nattawan
วันที่ 7 ต.ค. 2567

ทุกอย่างชั่วคราว อยู่ในโลกนี้ชั่วคราว แต่ละขณะก็ชั่วคราว ทำดี ดีที่สุด

ยินดีในกุศลวิริยะค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ