ฟังเผินไม่มีทางรู้

 
nattawan
วันที่  22 ต.ค. 2567
หมายเลข  48753
อ่าน  171

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความบางส่วนจาก ณ กาลครั้งหนึ่ง สนทนาธรรมที่บ้านซ.พัฒนเวศม์ บ่าย 11/9/67 www.facebook.com/share/v/RzCfPWwMDkirEc2Z/?mibextid=QwDbR1

แต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฟังเผินไม่ได้ ฟังเผินไม่มีทางรู้

ฟังเท่านั้นแล้วไม่ต้องไปหวังอะไรเลยมันมีเดี๋ยวนี้แต่ไม่รู้ ไม่ต้องทำอะไรนอกจากเข้าใจอย่างเดียว มีสำหรับเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็ช่วยไม่ได้ ก็ไม่เข้าใจไปเรื่อยๆ

จะคิดยังไงก็ไม่พ้นจากธรรมะแต่ไม่รู้เลยว่าเป็นธรรมะ ไม่รู้ว่าคิดไม่เหลือทันทีที่คิดก็ดับ ... ต้องมั่นคงในความเป็นจริง ไม่ต้องทำอะไรเลยเพราะความมั่นคงจะทำให้ไม่ทำอะไร แต่รู้ว่าฟังแล้วก็เข้าใจยังไม่ทั่ว ยังไม่ถึงระดับที่ประจักษ์แจ้ง แต่มันเป็นความจริงตั้งแต่เริ่มฟัง ถึงเข้าใจคำว่า อริยสัจจธรรม ธรรมะที่มีจริงเป็นจริงอย่างนั้น ใครประจักษ์แจ้งเมื่อนั้นก็ประเสริฐเพราะได้รู้ความจริง

เดี๋ยวนี้มีอะไร? ทั้งวันไม่เคยคิดถึงเรื่องธรรมะเลยเพราะว่าไม่รู้และธรรมะเกิดดับรวดเร็วมากและไม่ปรากฏเพราะปัญญาหรือความเข้าใจยังไม่พอ แต่ว่าค่อยๆ มั่นคง ชีวิตประจำวันเป็นเครื่องแสดงว่ามั่นคงหรือยัง วันนี้ยังไม่คิดถึงธรรมะ เมื่อไหร่ไม่คิดถึงธรรมะ ... ไม่มั่นคง!!

เพียงแค่จะนึกถึงยังไม่พอที่จะรู้ ความเข้าใจขึ้นอยู่กับความเข้าใจอย่างเดียวเพราะถ้าไม่เข้าใจจะนึกถึงได้หรือ? แต่พอเข้าใจว่ามีเดี๋ยวนี้ ... เดี๋ยวนี้อะไรล่ะ?? กว่าจะถึงตรงหนึ่งๆ ๆ ด้วยความเป็นอนัตตาไม่ใช่เรา ตอนนี้ก็เริ่มจะยากขึ้นๆ แล้วเพราะทำอะไรไม่ได้เลยซักอย่าง นอกจากรู้ว่ายังไม่ถึงทั้งๆ ที่อยู่ตรงนี้ ... ใกล้แค่ไหน??


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nattawan
วันที่ 22 ต.ค. 2567

สิ่งนั้นปรากฏกับ "ปัญญา" เท่านั้นอย่าไปหวังว่าจะไปปรากฏได้กับ "เรา" ไม่มีทาง

ประโยชน์ของความเข้าใจแม้เพียงหนึ่งขณะก็มหาศาล เพราะถ้าไม่มีหนึ่งขณะไม่ถึงแน่ ต้องอดทนเท่าไหร่กว่ามันจะมีแต่ละขณะๆ ได้ จึงเข้าใจขันติบารมี วิริยบารมี สัจจบารมี เนกขัมมบารมี

ชีวิตประจำวันจะเป็นยังไงไม่สนใจเมื่อรู้ว่ามันเกิดเพราะเหตุปัจจัยจะต้องไปนั่งคิดไหมว่าพรุ่งนี้เราจะเป็นยังไง ... คิดยังไงก็ไม่เป็นอย่างที่คิดเพราะต้องแล้วแต่ปัจจัย เพราะฉะนั้นรู้สิ่งที่เกิดแล้วเท่านั้น ยังไม่เกิดไปนั่งคิดแล้วมันจะเกิดอย่างที่คิดหรือเปล่า ... ไม่มีทาง!! แล้วที่คิดๆ ทำไม ... ขยะหมดเลย ขยะคือไร้ประโยชน์ เสียเวลา ยิ่งไปจำอะไรที่เป็นเรื่องขุ่นเคืองใจยิ่งไร้สาระ มันหมดแล้วยังไปเอามาอีก คิดดูว่าความไม่รู้มากมายมหาศาลขนาดไหน ... มีประโยชน์ตรงไหน นอกจากย้ำให้มีอกุศลเพิ่มขึ้น

ประโยชน์ที่สุดก่อนที่จะจากโลกนี้คือเห็นคุณค่าของธรรมะ แล้วก็ไม่ไปฝืนไม่ไปบังคับ ไม่ไปพยายาม นั่นคือผิดอีกแล้ว สีลัพตปรามาสหนทางผิดง่ายมาก ดับได้ด้วยโสตาปัตติมรรค ... คิดดู ... ถ้าตราบใดยังไม่ถึง ก็ต้องเป็นอย่างนี้ น้อยหรือมากก็แล้วแต่ เป็นมากคือไปสำนักปฎิบัติ ปฏิบัติต่างๆ เป็นมากๆ เป็นน้อยๆ คือไม่ไปไหนแต่ว่าขณะนี้ทำหรือเปล่า หรือบางขณะทำหรือเปล่า เริ่มจะทำหรือเปล่า? ทำเมื่อไหร่ก็คือไม่ได้รู้ความจริงของสิ่งที่เกิดแล้วนิดนึงแล้วก็ดับ นี่แหละหนทางของพระพุทธเจ้า ถ้าไม่มีปัญญาจะรู้หนทางนี้ได้อย่างไร?!

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nattawan
วันที่ 22 ต.ค. 2567

การที่เราจะเข้าใจธรรมคือ รู้ประโยชน์จริงๆ ว่าไม่ใช่เข้าใจคำ ไม่ใช่เข้าใจจำนวน แต่ว่า ... ตัวธรรมเดี๋ยวนี้เมื่อไหร่จะเข้าใจ แล้วถ้าตัวธรรมเดี๋ยวนี้ไม่เข้าใจ กี่ชาติไม่มีทางเข้าใจ เพราะเดี๋ยวนี้ไม่เข้าใจ แล้วจะไปเริ่มเมื่อไหร่

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nattawan
วันที่ 22 ต.ค. 2567

ไม่มีสัจจบารมี จะถึงได้อย่างไร?

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nattawan
วันที่ 25 ต.ค. 2567

ทั้งหมดต้องไปที่ "อนัตตา" ถ้ายังคงเป็นเราทำโน่น นี่ รู้นั่น รู้นี่ก็ ... ผิดหมด

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 25 ต.ค. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ