นิพพานปรมัตถ์

 
บ้านธัมมะ
วันที่  22 ก.ย. 2550
หมายเลข  4887
อ่าน  6,414

ปรมัตถธรรมอีกประเภทหนึ่ง คือ “นิพพานปรมัตถ์” พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกว่า นิพพาน เพราะออกจากตัณหา คือวานะ นิพพานเป็นปรมัตถ์ เป็นสภาพธรรมที่ดับทุกข์ จิต เจตสิก รูป เป็นทุกข์เพราะไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วดับไป การที่จะดับทุกข์ได้นั้น จะต้องดับตัณหา เพราะตัณหาเป็นสมุทัย เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ เป็นสมุทัยให้เกิดขันธ์ ซึ่งได้แก่ จิต เจตสิก รูป การที่จะดับตัณหาได้นั้น ก็ด้วยการอบรมเจริญปัญญาจนรู้แจ้งชัดในลักษณะเกิดดับของจิต เจตสิก รูป แล้วคลายความยินดียึดมั่นเห็นผิดในจิต เจตสิก รูป ได้ด้วยการรู้แจ้งนิพพาน ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่ดับตัณหา ดับทุกข์ ดับขันธ์ นิพพานจึงเป็นธรรมที่มีจริง เป็นปรมัตถธรรม เป็นสภาพธรรมที่รู้แจ้งได้

จากหนังสือ บทบาท อ.สุจินต์ ในการเผยแผ่พุทธธรรม

โดย พระธนนาถ นิธิปญฺโญ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 22 ก.ย. 2550

นิพพานปรมัตถ์ โดยปริยายแห่งเหตุมี ๒ อย่าง คือสอุปาทิเสสนิพพานธาตุ ๑ และอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ๑

คำว่า อุปาทิ เป็นชื่อของขันธ์ ๕ คือจิต เจตสิก รูป

สอุปาทิเสสนิพพาน คือ ความสิ้นไปของกิเลสทั้งหมด แต่ยังมีขันธ์เกิดดับสืบต่ออยู่

อนุปาทิเสสนิพพาน คือ การดับขันธ์ทั้งหมด เป็นการปรินิพพานของพระอรหันต์

ส่วนคำว่า “โดยปริยายแห่งเหตุ” คือ การอ้างถึงมีขันธ์เหลือและไม่มีขันธ์เหลือ ซึ่งเป็นเหตุในการบัญญัตินิพพาน

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 22 ก.ย. 2550

เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ใต้ร่มพระศรีมหาโพธิ์ พระองค์บรรลุ สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ กิเลสและธรรม (ซึ่งได้แก่ จิตและเจตสิกอื่นๆ ) ที่เกิดร่วมกับกิเลสนั้นดับหมดสิ้น และไม่เกิดอีกเลยแต่ยังมีขันธ์ คือ จิตเจตสิก (ที่ปราศจากกิเลส) และรูปที่เกิดดับสืบต่ออยู่ พระผู้มีพระภาคตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า“ดูกร ภิกษุทั้งหลายก็ สอุปาทิเสสนิพพาน เป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นพระอรหันตขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้วปลงภาระลงได้แล้วมีประโยชน์ของตนอันบรรลุแล้ว มีสังโยชน์ในภพสิ้นรอบแล้วหลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ ภิกษุนั้นย่อมเสวยอารมณ์ทั้งที่พึงใจ และไม่พึงใจ ยังเสวยสุขและทุกข์อยู่ เพราะความที่อินทรีย์๕ เหล่าใดเป็นธรรมชาติไม่บุบสลาย อินทรีย์๕ เหล่านั้นของเธอยังตั้งอยู่นั่นเทียว ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความสิ้นไปแห่งราคะ ความสิ้นไปแห่งโทสะความสิ้นไปแห่งโมหะของภิกษุนั้น นี้เราเรียกว่า "สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ"

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 22 ก.ย. 2550

อนุปาทิเสสนิพพาน คือ นิพพานที่ไม่มีขันธ์เหลือ เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงดับขันธ์ปรินิพพานระหว่างไม้สาละคู่ เป็นอนุปาทิเสสนิพพาน ดับขันธ์หมดสิ้นโดยรอบดับสนิทซึ่งภพทั้งหลายโดยประการทั้งปวง ดับจิต เจตสิกรูป ทั้งหมดไม่มีการเกิดอีกเลย พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี เป็นพระเสกขบุคคล เพราะยังต้องศึกษาเจริญธรรมยิ่งๆ ขึ้นเพื่อดับกิเลสที่เหลืออยู่ให้หมดไป ส่วนพระอรหันต์เป็น พระอเสกขบุคคล เพราะดับกิเลสทั้งหมดเป็นสมุจเฉทได้แล้วไม่ต้องศึกษาเพื่อดับกิเลสอีก

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 22 ก.ย. 2550

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นจะต้องมีเหตุปัจจัยทำให้เกิดขึ้น และสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นก็ไม่มีอะไรอื่นนอกไปจากจิต เจตสิก รูป ๓ ปรมัตถ์นี้เท่านั้น นิพพานเป็นธรรมที่ดับกิเลสซึ่งเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดจิต เจตสิก รูป ฉะนั้น นิพพานจึงดับจิต เจตสิก รูป ด้วย

เมื่อนิพพานเป็นธรรมที่ดับจิต เจตสิก รูป นิพพานจึงไม่ใช่จิต นิพพานไม่ใช่เจตสิก นิพพานไม่ใช่รูป แต่นิพพานก็เป็นปรมัตถธรรมอย่างหนึ่ง เป็นสภาพธรรมที่มีจริง นิพพานนั้นถึงแม้ว่าจะมีจริงเป็นปรมัตถธรรม แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ จะรู้แจ้งลักษณะของนิพพานได้ง่ายๆ เพราะว่าการที่จะรู้แจ้งลักษณะของนิพพานได้นั้น จะต้องรู้ด้วยปัญญาขั้นสูงอันเกิดจากการเจริญปัญญาที่รู้ลักษณะของสภาพธรรมซึ่งกำลังปรากฏอยู่ทุกๆ ขณะอย่างทั่วถึงและแจ้งชัดจริงๆ เสียก่อน นิพพานเป็นปรมัตถธรรมจึงเป็นธรรมที่มีจริง นิพพานไม่ใช่สังขารธรรม เป็นวิสังขารธรรม คือเป็นธรรมที่ไม่เกิดตรงกันข้ามกับสังขารธรรมคือธรรมที่เกิดขึ้นมีปัจจัยปรุงแต่ง นิพพานเป็นอสังขตธรรมไม่เป็นสังขตธรรม สังขตธรรม คือธรรมที่เกิดดับ อสังขตธรรม คือธรรมที่ไม่เกิดดับ นิพพานไม่มีปัจจัยจึงไม่เกิดดับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
พุทธรักษา
วันที่ 22 ก.ย. 2550

พระบรมศาสดา เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว แต่พระธรรมวินัยยังคงอยู่เป็นศาสดาแทนพระองค์

ขอนอบน้อมแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 22 ก.ย. 2550

สุขอื่นยิ่งกว่านิพพานไม่มี

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
อิสระ
วันที่ 23 ก.ย. 2550
ขออนุโมทนา
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ajarnkruo
วันที่ 24 ก.ย. 2550

นิพพาน เที่ยง เป็นสุข

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
อินทวัชร
วันที่ 4 ธ.ค. 2554

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
อาภรณ์อมตะ
วันที่ 4 ธ.ค. 2554
ไพเราะทั้งเบื้องต้น เบื้องกลาง และเบื้องท้ายสุด สาธุ
 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
มกร
วันที่ 19 มี.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
อสูร
วันที่ 5 พ.ค. 2562

อนุโมทนาสาธุทุกประการ สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
chatchai.k
วันที่ 28 มิ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
muda muda
วันที่ 22 มี.ค. 2566

ขอถึงนิพพาน ในวันหนึ่งข้างหน้า กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
เฉลิมพร
วันที่ 3 ส.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ