ลูกศรคืออะไร [กามสูตร]

 
wittawat
วันที่  13 พ.ย. 2567
หมายเลข  48901
อ่าน  48

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ลูกศรคืออะไร?

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ - หน้า 693
กามสูตรที่ ๑

[๔๐๘] ... ถ้าเมื่อสัตว์นั้นปรารถนาอยู่ เกิดความอยากได้แล้ว กามเหล่านั้นย่อมเสื่อมไปไซร้ สัตว์นั้นย่อมย่อยยับเหมือนถูกลูกศรแทง ฉะนั้น.


[อรรถกถา]
บทว่า เต กามา ปริหายนฺติ คือ หากกรรมเหล่านั้นย่อมเสื่อมไปไซร้ (เข้าใจว่าเขียนผิด ต้องแปลว่า หากกามเหล่านั้นย่อมเสื่อมไปไซร้) . บทว่า สลฺลวิทฺโธว รุปฺปติ สัตว์นั้นย่อมย่อยยับเหมือนถูกลูกศรแทง คือต่อแต่นั้น สัตว์ย่อมย่อยยับเหมือนถูกลูกศรทำด้วยเหล็กเป็นต้นเเทง.


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้า 4

[๖] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า :-

เมื่อสัตว์นั้นปรารถนากามอยู่ เมื่อสัตว์นั้นมีฉันทะเกิดแล้ว ถ้ากามเหล่านั้นเสื่อมไป สัตว์นั้นย่อมกระสับกระส่าย เหมือนสัตว์ที่ถูกลูกศรแทงแล้ว.

[๗] คำว่า เมื่อสัตว์นั้นปรารถนากามอยู่ มีความว่า คำว่า เมื่อสัตว์นั้น ได้แก่ สัตว์ผู้เป็นกษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร คฤหัสถ์ บรรพชิต เทวดาหรือมนุษย์ คำว่า ปรารถนากามอยู่ คือ เมื่อใคร่ อยากได้ ยินดี ปรารถนา มุ่งหมาย ชอบใจ. อีกอย่างหนึ่ง สัตว์ย่อมไป ออกไป ลอยไป แล่นไป เพราะกามตัณหา เปรียบเหมือนมนุษย์ ย่อมไป ออกไป ลอยไป แล่นไป ด้วยยานช้างบ้าง ยานม้าบ้าง ยานโคบ้าง ยานแกะบ้าง ยานแพะบ้าง ยานอูฐบ้าง ยานลาบ้าง ฉันใด สัตว์ย่อมไป ออกไป ลอยไป แล่นไป เพราะกามตัณหา ฉันนั้น เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า เมื่อสัตว์นั้นปรารถนากามอยู่ .

[๘] คำว่า เมื่อสัตว์มีฉันทะเกิดแล้ว ความว่า คำว่า ฉันทะ ได้แก่ความพอใจในกาม ความกำหนัดในกาม ความเพลินในกาม ความอยากในกาม ความเสน่หาในกาม ความเร่าร้อนในกาม ความหลงในกาม ความติดใจในกาม ห้วงคือกาม ความประกอบคือกาม ความยึดถือในกาม เครื่องกั้นคือกามฉันทะ ความพอใจในกามนั้น เกิดแล้ว เกิดพร้อม เกิดขึ้น เกิดเฉพาะ ปรากฏแล้วแก่สัตว์นั้น.
คำว่า สัตว์ คือ สัตว์ นระ มาณพ บุรุษ บุคคล ผู้มีชีวิต ผู้เกิด สัตว์เกิด ผู้มีกรรม มนุษย์ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า เมื่อสัตว์มีฉันทะเกิดแล้ว.

[๙] คำว่า กามเหล่านั้นเสื่อมไป มีความว่า กามเหล่านั้นเสื่อมไปบ้าง สัตว์นั้นเสื่อมจากกามทั้งหลายบ้าง.

กามเหล่านั้นเสื่อมไป อย่างไร? เมื่อสัตว์นั้นดำรงอยู่นั่นแหละ โภคะเหล่านั้น ถูกพระราชาริบไปบ้าง ถูกโจรลักไปบ้าง ถูกไฟไหม้บ้าง ถูกน้ำพัดไปบ้าง ถูกพวกญาติผู้ไม่เป็นที่ชอบใจนำไปบ้าง สัตว์นั้นไม่พบโภคทรัพย์ที่เก็บฝังไว้บ้าง การงานที่ประกอบไม่ดีเสียไปบ้าง คนผลาญสกุล ผู้แจกจ่ายกระจัดกระจายทำลายโภคะเหล่านั้นเกิดในสกุลบ้าง ความเป็นของไม่เที่ยงแห่งโภคะเป็นที่แปด กามเหล่านั้นย่อมเสื่อม เสียหาย กระจัด กระจาย รั่วไหล อันตรธาน สูญหายไปอย่างนี้.

สัตว์นั้นย่อมเสื่อมจากกามทั้งหลาย อย่างไร? โภคะเหล่านั้นยังตั้งอยู่ นั่นแหละ สัตว์นั้นเคลื่อน ตาย อันตรธาน สูญหายไปจากโภคะเหล่านั้น สัตว์นั้นย่อมเสื่อม เสียหาย กระจัดกระจาย รั่วไหล อันตรธาน สูญหาย ไปจากกามทั้งหลายอย่างนี้ ...

[๑๐] คำว่า สัตว์นั้นย่อมกระสับกระส่าย เหมือนสัตว์ที่ถูกลูกศรแทงแล้ว มีความว่า สัตว์ผู้ถูกลูกศรที่ทำด้วยเหล็กแทงแล้วบ้าง ผู้ถูกลูกศรที่ทำด้วยกระดูกแทงแล้วบ้าง ผู้ถูกลูกศรที่ทำด้วยงาแทงแล้วบ้าง ผู้ถูกลูกศรที่ทำด้วยเขาแทงแล้วบ้าง ผู้ถูกลูกศรที่ทำด้วยไม้แทงแล้วบ้าง ย่อมกระสับกระส่ายหวั่นไหว ดิ้นรน จุกเสียด เจ็บตัว เจ็บใจ ฉันใด ความโศก คร่ำครวญ เจ็บกาย เจ็บใจ และคับแค้นใจ ย่อมเกิดขึ้นเพราะวัตถุกามทั้งหลายแปรปรวนเป็นอย่างอื่นไป สัตว์นั้นถูกลูกศรคือกามแทงแล้ว ย่อมกระสับกระส่าย หวั่นไหว ดิ้นรน จุกเสียด เจ็บกาย เจ็บใจ ฉันนั้นเหมือนกัน


[สรุป]
ลูกศรคืออะไร? ทรงแสดงว่า "สัตว์นั้นย่อมย่อยยับเหมือนถูกลูกศรแทง"
ถ้าคนถูกอะไรสักอย่างที่แหลมทิ่มแทง มีมีด เข็ม ลูกศร หนาม เป็นต้น ก็ได้รับความเจ็บปวดทรมาน ปรากฏทางกาย และทางใจ แต่ก็ยังมีโอกาสที่แผลนั้นจะหายได้ เมื่อสิ่งที่แหลมคมนั้นถูกถอนออก และได้รับการรักษาแผลอย่างถูกต้อง ความเจ็บปวดนั้นก็หายไปได้ แต่ ลูกศร ที่แสดงโดยนัยแห่งพระสูตรนี้ คือ กาม ซึ่งได้แก่ ความติดข้องในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อันน่าปรารถนา น่าพอใจ ปักอยู่ตรงกลางใจ ตลอดเวลา ไม่เคยถูกถอนออกเลย ไม่รู้เลยว่าถูกลูกศรนี้ปักอยู่ เล็กใหญ่แค่ไหนไม่รู้เลย แต่ปรากฏให้ทราบได้ว่ามี ก็เมื่อทรัพย์สมบัติก็ดี บุคคลอันเป็นที่รักก็ดี พรากจากไป แม้ว่าสิ่งที่รักยังอยู่ ความตายซึ่งต้องมาถึงแน่นอน ก็พรากจากสิ่งที่รักนั้นไป เมื่อความทุกข์ใจ ความเศร้าใจ ปรากฏมาก นั่นก็เพราะความติดข้องที่สะสมมา มีมากด้วย เพราะฉะนั้นหนทางเดียว ที่จะถอนลูกศรคือกามได้ ก็คือ การฟังธรรม การศึกษา เรียนรู้ตามความเป็นจริง ว่าสิ่งที่ยึดถือว่าเป็นของรัก บุคคลที่รัก แท้จริง เป็นสิ่งที่เพียงปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ เพียงปรากฏ แล้วก็หมดไปอย่างรวดเร็วที่สุด ตามความเป็นจริง ควรหรือที่จะติดข้องในสิ่งที่เกิดดับอย่างรวดเร็วนั้น

กราบอนุโมทนา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 19 พ.ย. 2567

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ