ผู้มีปัญญาทราม ยินดีแล้วในทุกข์
ตราบใดที่ยังหลง ยังหมกมุ่นอยู่ ก็ยังเป็นคนพาล บุคคลใดที่ไม่ได้สะสมบารมีมาอย่างมั่นคงในการที่จะละกาม ไม่สามารถที่จะมีสติระลึกรู้ความจริงของกาม และของโทษของกามได้
พระเถรีรูปหนึ่ง ใน ขุททกนิกาย เถรีคาถา มหานิบาต สุเมธาเถรีคาถา กล่าวข้อความว่า
ภพ ถึงแม้เป็นทิพย์ก็เป็นของไม่ยั่งยืน จะป่วยกล่าวไปไยถึงกามทั้งหลายอันเป็นของเปล่า มีความยินดีน้อย มีความคับแค้นมาก กามทั้งหลายเผ็ดร้อนเปรียบด้วยอสรพิษ เป็นที่ทำให้คนพาลหลงหมกมุ่นอยู่ คนพาลเหล่านั้นต้องถึงทุกข์ เดือดร้อน ยัดเยียดอยู่ในนรกตลอดกาลนาน และเป็นเหตุทำให้คนพาล ผู้มีความรู้ชั่ว ไม่สำรวมด้วยกาย วาจา และใจ ทำความชั่วต่างๆ ย่อมเศร้าโศกในอบาย ในกาลทุกเมื่อ เป็นเหตุทำให้คนพาล ผู้มีปัญญาทราม ไม่มีความคิด ยินดีแล้วในทุกข์ และเหตุให้เกิดทุกข์ ไม่รู้จักธรรมอันพระอริยเจ้าแสดงอยู่ ทั้งไม่รู้จักอริยสัจ
ขอเชิญรับฟัง
กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า
พระนางสุเมธาราชกัญญาเถรี เมื่อถึงความเป็นผูับรรลุธรรมถึงที่สุดได้กล่าวว่า "บุคคลเหล่าใด ย่อมเชื่อพระดำรัสของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีปัญญาไม่ต่ำทราม บุคคลเหล่านั้นย่อมกล่าวอย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายในภพ ครั้นเบื่อหน่ายแล้ว ย่อมคลายกำหนัด"
ท่านอาจารย์อ่านพระสูตรนี้ ด้วยความไพเราะยิ่ง และเตือนใจว่า ... ก่อนที่จะสละความยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ จะต้องอบรมปัจจัยบารมีมากมายสักเพียงไร ด้วยการขัดเกลา ด้วยการเจริญกุศลทุกประการ อดทนในการที่สติจะเกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมตรงตามลักษณะของสภาพธรรมนั้นๆ ตามความเป็นจริง
กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง
ขอบพระคุณยินดีในกุศลธรรมทานด้วยค่ะ
กามทั้งหลายเปรียบด้วยดาบและหลาว เหมือนหัวงูเห่า เปรียบดังคบเพลิงเผาอยู่เนืองๆ เหมือนร่างกระดูก
กามทั้งหลายเป็นของไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน มีทุกข์มาก เหมือนงูที่มีพิษมาก เหมือนก้อนเหล็กอันไฟติดทั่ว เป็นรากเหง้าแห่งทุกข์ มีทุกข์เป็นผล
กามทั้งหลายเปรียบเหมือนผลไม้อันเป็นพิษ เหมือนชิ้นเนื้อ นำมาซึ่งทุกข์
ยินดีในกุศลจิตครับ