สนทนาธรรมที่เนปาล_รู้จักพระพุทธเจ้าได้อย่างไร? #2
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
บางส่วนจากการสนทนาธรรมที่เนปาล บ่าย 23/11/67 How to Know the Buddha?
เดี๋ยวนี้มีธรรมะหรือเปล่า? ถ้าไม่พูดถึง ไม่ถามถึง ก็ลืมว่าเดี๋ยวเป็นธรรมะ!! ได้ฟังแล้วว่าเป็นธรรมะ แต่ก็ลืมว่าเป็นธรรมะ
ความจริงมีสองอย่าง ไม่พูดก็มีจริงใช่ไหม?! กำลังเห็นมีจริงเป็น ปรมัตถสัจจะ แต่ธรรมะที่มีจริงมีหลายอย่างถ้าไม่ใช้คำ ไม่สามารถรู้ว่าหมายถึงธรรมะอะไร
กำลังเห็น ไม่ต้องพูดเลยเป็นธรรมะ ... เป็นปรมัตถสัจจะ ปรมัตถสัจจะมีมาก ถ้าไม่พูดถึงจะรู้ไหมว่าปรมัตถ์อะไร?!
จึงมีคำที่กล่าวถึงสิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่งมีคำว่าเห็นหมายความถึงอะไร? กำลังเห็น พูดว่าเห็น หมายความถึงปรมัตถ์อะไร? กำลังได้ยิน (ไม่ใช่กำลังเห็น) พูดว่าได้ยิน หมายความถึงปรมัตถ์อะไร? เพราะฉะนั้นพูดคำว่าเห็น คิดถึงได้ยินหรือคิดถึงเห็น?!
ความต่างของปรมัตถสัจจะกับสมมติสัจจะคืออะไร? ปรมัตถสัจจะ หมายถึงสิ่งที่มีจริง ไม่ต้องเรียกชื่อก็ได้เปลี่ยนชื่อก็ได้ เช่นไทยเรียกว่าเห็น ... เนปาลเรียกเห็นว่าอะไร? จึงจำเป็นต้องมีคำแต่ละภาษาให้รู้ว่าคำนั้นหมายถึงธรรมะอะไร เปลี่ยนคำที่เรียกเห็นได้ แต่เปลี่ยนลักษณะเห็นไม่ได้
สมมติสัจจะ หมายถึงสิ่งที่มีจริงโดยคำที่ใช้ให้รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร เห็น ... ได้ยิน ... คิด มีจริงก็ต้องมีคำแต่ละคำให้รู้ว่าหมายถึงอะไร เพราะฉะนั้นสิ่งที่มีไม่เรียกอะไรเป็นธรรมะประเภทไหน? สิ่งที่มีจริงไม่เรียกอะไรเป็นธรรมะอะไร? ไม่เรียกอะไรเลยสิ่งนั้นก็มีจริง!! กำลังเห็นไม่ต้องเรียกอะไรก็มีเห็นใช่ไหม แต่มีคำที่จะแสดงให้รู้ว่าคำนั้นหมายถึงอะไร
ขณะนี้กำลังจำ ไม่ต้องเรียกก็มีจำเพราะฉะนั้นทุกคำแต่ละคำหมายถึงสิ่งที่มีจริงแต่ละอย่าง แข็งมีจริง ไม่เรียกว่าแข็ง จะรู้ไหมว่าหมายถึงอะไร?!
พระพุทธเจ้าตรัสว่าสิ่งที่มีจริงเป็นธรรมะ ธรรมะแต่ละหนึ่งไม่มีใครสามารถเปลี่ยนลักษณะที่แท้จริงของธรรมะนั้นได้เลย เปลี่ยนชื่อได้แต่เปลี่ยนลักษณะที่แท้จริงของธรรมะนั้นไม่ได้
สิ่งที่มีจริงไม่มีใครเปลี่ยนลักษณะได้เพียงแต่เปลี่ยนชื่อได้ พระพุทธเจ้าตรัสว่าปรมัตถธรรม เพราะฉะนั้นคำที่มีจริง ... มีจริงเปลี่ยนแปลงไม่ได้เป็นประมัตถธรรมทั้งหมด ใครเปลี่ยนแข็งให้เป็นหวานได้? หวานมีจริงใครเปลี่ยนหวานให้เป็นแข็งได้? หวานเป็นขนมหรือว่าเป็นแกง? หวานไม่ใช่ขนม หวานไม่ใช่แกง หวานเป็นหวานเพราะฉะนั้นธรรมะที่มีจริงพระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นประมัตถธรรม
สิ่งที่มีจริงลึกซึ้งมากเปลี่ยนไม่ได้ เดี๋ยวนี้มีก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นความลึกซึ้งของธรรมะทุกประเภทเป็นอภิธรรมะ ได้ยินคำว่าอภิธรรมะแสดงว่าธรรมะนั้นลึกซึ้งมาก ได้ยินคำว่าปรมัตถธรรมหมายความว่าธรรมะนั้นไม่มีใครเปลี่ยนได้ เพราะฉะนั้นขณะนี้ทุกอย่างที่มีจริงเป็นธรรมะ สิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้เกิดแล้วดับแล้วใครเปลี่ยนไม่ได้ เพราะฉะนั้น ทุกอย่างที่มีจริงเป็นธรรมะเป็นปรมัตถธรรมและลึกซึ้งอย่างยิ่งเป็นอภิธรรม
อย่าลืมว่าต้องตรงต่อความจริงทุกคำ ... เห็นเป็นธรรมะเพราะกำลังเห็นจริงๆ เห็นเป็นคนได้ไหม เห็นเป็นนกได้ไหม เห็นเป็นปลาได้ไหม ถ้าไม่มีรูปร่างทุกคนก็จะรู้ว่าเห็นเป็นเห็นเท่านั้น ... เห็นมีจริง ไม่ให้เห็นไม่ได้เพราะฉะนั้นเห็นเป็นปรมัตถธรรม เป็นอภิธรรม
ต้องมั่นคงว่าสิ่งที่มีจริงเป็นธรรมะไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใดและเป็นอนัตตา เห็นไม่ใช่นกเห็น เห็นไม่ใช่คนเห็นเพราะฉะนั้น ... คิดดีดี!! ... เตือนเพื่อจะได้เริ่มคิดละเอียดขึ้น!! เดี๋ยวนี้เห็นเป็นคนหรือว่าเห็นเป็นธรรมะ??
ต้องมั่นคงจริงๆ พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ธรรมะ 45 พรรษาทรงแสดงความละเอียดของธรรมะทุกอย่าง เพื่อให้เข้าใจว่าธรรมะเป็นธรรมะ เป็นคนไม่ได้ เป็นแมวไม่ได้ เป็นปลาไม่ได้ ... เริ่มรู้จักธรรมะที่พระองค์ทรงตรัสรู้แล้วหรือยัง?!
ทุกคำที่ตรัสทั้งหมด 45 พรรษาเป็นธรรมะทั้งหมด เป็นสิ่งที่มีจริงๆ ทุกขณะ ธรรมะก็เป็นธรรมะ เพราะฉะนั้นต้องไม่ลืมอีกคำหนึ่งของพระองค์ศึกษาธรรมะคือฟังเรื่องของสิ่งที่มีจริงแต่ละคำ พระองค์ตรัสว่า "ธรรมะทั้งปวงเป็นอนัตตา"
เดี๋ยวนี้ห้องนี้มีอะไร? เป็นอัตตาทั้งหมด!! เพราะยังไม่ปรากฏธรรมะทีละหนึ่งเท่านั้นจริงๆ เดี๋ยวนี้ถ้าถามว่าทุกคนเห็นอะไร? ตอบว่าเห็นขวดน้ำ ... เป็นอัตตา เห็นดอกไม้ ... เป็นอัตตา เห็นโต๊ะ ... เป็นอัตตา เห็นเก้าอี้ ... เป็นอัตตา จนกว่าจะเข้าใจคำที่พระองค์ตรัสว่า ธรรมะทั้งปวงเป็นอนัตตา
ถ้าไม่ฟังคำของพระพุทธเจ้าจะรู้ไหมว่าสิ่งที่กำลังปรากฏจริงๆ เป็นอนัตตา?! เพราะฉะนั้นทุกคำที่ตรัส 45 พรรษา เพื่อกล่าวถึงสิ่งที่มีไม่ลืมว่า สิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้เป็นอนัตตา ไม่ใช่อัตตา!!!
ถ้าไม่ฟังคำของพระพุทธเจ้าจะอยู่ในโลกของอัตตาตั้งแต่เกิดจนตายทุกชาติ ถ้าไม่รู้ขณะนี้ว่าเป็นธรรมะและเป็นอนัตตา จะรู้จักพระพุทธเจ้าไหม?! ต้องตรงต่อความเป็นจริง ... การตรงต่อความเป็นจริงของสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้เป็นความจริงหรือเปล่า?? เป็นธรรมะหรือเปล่า?? เป็นธรรมะ ฟังจนไม่ลืมว่าทุกอย่างเป็นธรรมะ
เรามาที่นี่เพื่อที่จะได้ไม่ลืมว่าเป็นธรรมะ เดี๋ยวนี้ทราบไหมเพียงแค่เข้าใจว่าเป็นธรรมะเท่านั้นนอกนั้นเป็นอัตตา เพราะเพียงเริ่มได้ฟังคำของพระพุทธเจ้า พระปัญญาที่ตรัสรู้ความลึกซึ้งของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้เพราะฉะนั้นทุกคำที่พระองค์ตรัสไม่ใช่เพียงฟังและคิดว่าเข้าใจแล้ว การจะประจักษ์แจ้งความจริงถึงที่สุดต้องมีความเข้าใจตั้งแต่เริ่มต้น ถ้าไม่เข้าใจคำที่พระองค์ตรัสจนมั่นคงลึกซึ้งว่า คำที่ตรัสลึกซึ้งแค่ไหน เพราะฉะนั้นความเข้าใจจากทุกคำที่ได้ฟังแล้วเป็นเหตุให้รู้จักพระปัญญาคุณของพระองค์ เพราะฉะนั้นขณะนี้ธรรมะเป็นอนัตตาหรือยัง?! เป็นความเข้าใจ แต่ยังไม่ประจักษ์ความจริงของธรรมะ!!
เดี๋ยวนี้กำลังเห็น ... เห็นเกิดหรือเปล่า? เห็นเกิดแล้วดับหรือเปล่า? เห็นเกิดแล้วดับ ... เดี๋ยวนี้กำลังเห็น เกิดดับหรือเปล่า? เพราะฉะนั้นความเข้าใจเป็นความเข้าใจ สิ่งที่มีจริงต้องเกิด ... เกิดแล้วดับไม่กลับมาอีกเลย
ได้ยินเกิดดับหรือเปล่า? จำเกิดแล้วดับหรือเปล่า? หมายความว่าเดี๋ยวนี้ทุกอย่างที่ปรากฏสั้นแสนสั้น เกิดแล้วดับทันทีใช่ไหม?! เริ่มรู้จักพระพุทธเจ้าว่าทรงประจักษ์แจ้งเดี๋ยวนี้ที่ธรรมะทุกอย่างเกิดและดับ
แล้วทำไมทรงแสดงว่าธรรมะเดี๋ยวนี้เกิดดับ ขณะเห็นไม่มีได้ยินใช่ไหม? เห็นไม่ใช้ได้ยินใช่ไหม? ขณะที่เห็นยังไม่ดับไปจะมีได้ยินได้ไหม? ขณะนี้เสียงกำลังปรากฏจะเป็นอื่นได้ไหม? ... นี่เป็นการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ
เดี๋ยวนี้กำลังเห็น ... เห็นเกิดหรือเปล่า? เห็นเกิดแล้วดับหรือเปล่า? เห็นเกิดแล้วดับ ... เดี๋ยวนี้กำลังเห็น เกิดดับหรือเปล่า? เพราะฉะนั้นความเข้าใจเป็นความเข้าใจ สิ่งที่มีจริงต้องเกิด ... เกิดแล้วดับไม่กลับมาอีกเลย
กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ