ชีวิตประจำวันเป็นเครื่องพิสูจน์
คุณศรีสอางค์: หนูฟังท่านอาจารย์ไพเราะแล้ว หนูก็ยังคิดอีกว่า เสียงท่านอาจารย์ก็ไพเราะ ดูซิคะ ทั้งๆ ที่ท่านอาจารย์พยายาม แต่หนูก็จะบอกว่า มันชุ่มชื่นหัวใจ ไม่รู้จะบอกความอย่างไรแล้ว
ท่านอาจารย์: แล้วก็หมดแล้ว ดับแล้ว เห็นไหม?
คุณศรีสอางค์: ลืมอีกแล้วค่ะ
ท่านอาจารย์: จนกว่าจะระลึกได้โดยไม่ใช่เรา เห็นไหม? จนกว่าจะมีปัจจัยที่จะเกิดระลึกได้ แล้วก็ดับไป
กว่าจะรู้ความจริง และรู้แล้วกว่าจะละ เห็นไหม? สะสมมานานเท่าไหร่ นี่แหละหนทางละ หนทางเดียวไม่หวัง อดทน มั่นคง สัจจะ อะไรจะเกิดก็เป็นธรรม จนกว่าขณะนั้นจะถึงระดับนั้น ก็ยังเป็นเราไป
เพราะฉะนั้น การละความเป็นเราไม่ใช่หนทางอื่นเลย การรู้ความจริงว่า ไม่ใช่เรา นั่นแหละหนทางเดียว จนประจักษ์แจ้งโดยความเป็นปัจจัยชัดเจนประกอบกันหมด
ถ้าด้วยการไปพยายามทำ ไม่มีทางละความเป็นเราที่พยายาม แต่กว่าจะไม่ใช่เราต้องชีวิตประจำวันด้วย ไม่ว่าจะเผชิญกับขณะใด มีปัจจัยพอไหมที่จะระลึกได้ ระดับไหน
เพราะฉะนั้น การอบรมเจริญปัญญาจึงเป็นปกติ เพราะต้องรู้สิ่งที่เกิดแล้วโดยปัจจัย ไม่มีใครไปทำ
ฟังไปอีกกี่ชาติมั่นคงขึ้นไม่เปลี่ยนแปลง มีการฟัง มีการไตร่ตรอง ชีวิตประจำวันเป็นเครื่องพิสูจน์ อภัยให้ได้ไหม? อามิสทาน หรือวัตถุทาน อภัยทาน ธรรมทาน ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ค่อยๆ รู้ความจริง จึงสามารถที่จะค่อยๆ เป็นไปได้
คุณศรีสอางค์: ค่ะ ท่านอาจารย์ อื่นเอมใจมากค่ะ หนูต้องก้มกราบแทบเท้าท่านอาจารย์เป็นโอกาสที่ดี
ท่านอาจารย์: บารมีสะสมไปแล้ว มากน้อยก็แล้วแต่ข้างหน้าต่อไปอีกทุกขณะ เป็นผู้ตรงต่อความจริง
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ