สนทนาธรรมที่เนปาล_รู้จักพระพุทธเจ้าได้อย่างไร? #8

 
nattawan
วันที่  28 พ.ย. 2567
หมายเลข  49002
อ่าน  142

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

บางส่วนจากการสนทนาธรรมที่เนปาล บ่าย 27/11/67 How to Know the Buddha?

ผู้ฟัง : ทำอย่างไรให้ทุกคนในสังคมมีสันติภาพมีความสุข?

ท่านอาจารย์ : พระพุทธเจ้าทำให้คนอื่นไม่มีความทุกข์ได้ไหม? ทุกคำของพระองค์ต้องไตร่ตรองจนกว่าจะค่อยๆ เข้าใจขึ้น ต้องคิดจริงๆ ถ้าไม่เห็นเป็นทุกข์ไหม? ถ้าจะไม่เป็นทุกข์ก็ต้องไม่เห็น เพราะฉะนั้นไม่เห็นเลยไม่เป็นทุกข์ใช่ไหม? ถ้าไม่เห็นอะไรเลยแล้วจะเป็นทุกข์อะไร? ถ้าไม่เกิดรู้สึกเลยจะเป็นทุกข์ไหม? พระพุทธเจ้าเป็นทุกข์หรือเป็นสุข?

ผู้ฟัง : พระองค์ไม่ทุกข์ไม่สุข

ท่านอาจารย์ : พระองค์เห็นหรือเปล่า?!

ผู้ฟัง : ไม่เห็นเพราะไม่อยู่ในโลกนี้ไม่มีรูปร่างแล้ว

ท่านอาจารย์ : ถ้าไม่เห็น ไม่ได้กลิ่น ไม่ลิ้มรส ไม่รู้อะไรเลยจะมีทุกข์ไหม? เดี๋ยวนี้มีใจหรือเปล่า? มีแล้วเป็นทุกข์หรือเปล่า? ถ้าไม่มีใจจะเป็นทุกข์ไหม?! ต้นไม้เป็นทุกข์หรือเปล่า? ถ้าไม่มีใจจะเป็นทุกข์ได้อย่างไร?! เพราะฉะนั้นทุกข์คืออะไร?!

ผู้ฟัง : เกิด ตาย เจ็บไข้ได้ป่วยเป็นทุกข์ ตอนนี้ก็ทุกข์

ท่านอาจารย์ : อะไรเป็นทุกข์?

ผู้ฟัง : สิ่งที่เห็นนั้นเป็นทุกข์ เพราะถ้าชอบแล้วไม่ได้ก็เป็นทุกข์

ท่านอาจารย์ : นี่เป็นคำของเรา และพระพุทธเจ้าตรัสว่า ทุกข์มีสามอย่าง ... ถ้าไม่รู้อะไรเลย เป็นต้นไม้หรือแม่น้ำทุกข์ไม่ได้!!


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nattawan
วันที่ 28 พ.ย. 2567

พระพุทธเจ้าทรงแสดงทุกขทุกข ถ้าไม่เข้าใจว่าทุกข์คืออะไรก็ไม่เข้าใจว่าทุกขทุกขคืออะไร? พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่าสภาพรู้มีสองคือ จิตเป็นสภาพที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้ง ตั้งแต่เกิดไม่เคยขาดธาตุรู้เลยทั้งหลับและตื่น เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจลักษณะของธรรมะที่ต่างกันละเอียดมาก แต่ละหนึ่งธรรมะเป็นอื่นไม่ได้เพราะฉะนั้นสภาพรู้ที่เป็นใหญ่เป็นประธานเป็นจิต บางครั้งเรียกวิญญาณเป็นต้น สิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ละเอียดมาก ถ้าไม่ฟังธรรมจะไม่รู้ความต่างของแต่ละหนึ่งเลย

เดี๋ยวนี้มีธาตุรู้ซึ่งเป็นใหญ่คือจิต ทุกครั้งที่จิตเกิดต้องมีเจตสิก นามธรรมที่เกิดพร้อมจิต พระพุทธเจ้าทรงแสดงสภาพธรรมะที่เป็นธาตุรู้แต่ไม่ใช่จิตว่าเป็นเจตสิก จิตเห็นแต่จิตไม่ได้จำ ... จิตเกิดขึ้นทำกิจอื่นไม่ได้ รู้สึกไม่ได้ จำไม่ได้ โกรธไม่ได้ นั่นไม่ใช่หน้าที่ของจิต เพราะฉะนั้นธรรมะที่เป็นสภาพรู้ต้องแยกเป็นสองอย่าง จิตไม่ใช่เจตสิก เจตสิกไม่ใช่จิต เพราะฉะนั้นธาตุรู้แต่ละหนึ่งทำกิจหน้าที่แต่ละหนึ่ง

กำลังเห็นเดี๋ยวนี้ไม่ใช่นก ไม่ใช่ไก่ แต่เป็นเห็น ถ้าไม่เข้าใจจริงๆ ในคำที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าอนัตตา จะไม่เข้าใจความจริงขณะนี้

เดี๋ยวนี้ง่วงไหม? เพราะฉะนั้นง่วงไม่ใช่จิต ง่วงเดี๋ยวนี้ต้องมีการเห็นการได้ยิน ... ต้องแยก ... ง่วงไม่ใช่เห็น ง่วงไม่ใช่ได้ยิน ง่วงไม่ใช่ขณะที่กำลังรู้แข็ง เพราะฉะนั้นง่วงไม่แข็ง ง่วงไม่หิว ง่วงไม่ใช่จิตแต่เป็นเจตสิก

พระพุทธเจ้าตรัสรู้ว่าจิตเป็นจิต เจตสิกเป็นเจตสิก ง่วงมีจริงๆ กำลังง่วง เพราะฉะนั้นง่วงเป็นอะไร?! ง่วงเป็นเจตสิก ทำไมง่วงไม่ใช่จิต? เพราะจิตมีหน้าที่รู้ทุกอย่าง เดี๋ยวนี้เห็นเป็นจริง เพราะเห็นรู้เฉพาะสิ่งที่ปรากฏให้เห็น เดี๋ยวนี้จิตเกิดขึ้นกำลังเห็นสิ่งที่มีที่ปรากฏ ... ง่วงไม่ได้ ขณะที่กำลังได้ยิน ... ง่วงไม่ได้!!

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nattawan
วันที่ 28 พ.ย. 2567

สภาพธรรมะที่เป็นธาตุรู้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่นก แต่เป็นเห็น เป็นได้ยิน เป็นต้น ความรู้สึกเจ็บมีไหม? เจ็บเป็นธรรมะ เป็นสภาพรู้ เป็นเจตสิก เพราะฉะนั้นสภาพที่สบายไม่เจ็บเป็นอะไร? เป็นเจตสิก เพราะฉะนั้น ไม่มีเรา เป็นแต่ธรรมะ ถ้าธรรมะไม่เกิด มีธรรมะไหม?!

ร่างกายแข็งแรงดีไม่เจ็บป่วยแต่เสียใจมีไหม? ขณะที่เสียใจเป็นทุกข์หรือเป็นสุข? ขณะที่แข็งแรงไม่เจ็บป่วยเป็นทุกข์ทางกายหรือทุกข์ทางใจ? ถ้าไม่มีรูปร่างกายจะเจ็บป่วยได้ไหม? เพราะฉะนั้น ทุกข์มีสองอย่างคือทุกข์กายและทุกข์ใจ ขณะที่กำลังทุกข์ใจเป็นเราหรือเปล่า?! ไม่ใช่เราแล้วเป็นอะไร?! เป็นธรรมะ!!

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nattawan
วันที่ 28 พ.ย. 2567

ทุกอย่างที่มีจริงๆ มีเมื่อเกิดขึ้น ถ้าไม่เกิดไม่มี เพราะฉะนั้น ทุกข์ ... เจ็บกายเป็นธรรมะอะไร? ลืมหรือยังว่าเป็นจิตหรือเป็นเจตสิก?! เป็นเจตสิก!!

เมตตาเป็นอะไร?! เมตตามีจริงๆ เป็นธรรมะ เป็นเจตสิก เมตตาเป็นรูปธรรมได้ไหม?! ไม่ได้เพราะเมตตาเป็นนามธรรม เป็นรูปธรรมไม่ได้เพราะเมตตาต้องรู้!!

ทุกคำของพระพุทธเจ้า พระวินัย พระสูตร พระอภิธรรม พูดถึงสิ่งที่มีจริง ... ทุกอย่างที่มีจริงต้องเป็นอย่างหนึ่งอย่างใด เป็นจิต เจตสิกหรือรูป

จิต เจตสิก รูปเกิดและดับเป็นใครไม่ได้ ถ้าไม่ฟังคำของพระพุทธเจ้า จะไม่รู้เลยว่า ถ้าจิตไม่เกิดไม่มีจิต ถ้าเจตสิกไม่เกิดไม่มีเจตสิก ถ้ารูปไม่เกิดไม่มีรูป

พระพุทธเจ้าตรัสว่า "สิ่งหนึ่งสิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา" ทุกอย่างที่เกิด ... ดับเร็วมาก ได้ยินเกิดขึ้นแล้วดับจริงไหม?! แล้วรู้ไหม?? ยังไม่รู้ ... จนกว่าจะรู้!!

ถ้าไม่เข้าใจเดี๋ยวนี้ จะรู้มั้ยว่าทุกอย่างที่กำลังปรากฏเกิดแล้วดับ?! ทุกอย่างที่กำลังปรากฏเกิดแล้วดับจริงไหม?!

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nattawan
วันที่ 28 พ.ย. 2567

พระพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงของธรรมะทีละเล็กทีละน้อย ... จนเข้าใจไม่ลืมว่าเป็นธรรมะ!!! พระองค์ทรงประจักษ์แจ้งการเกิดดับของทุกสิ่งเดี๋ยวนี้ พระธรรมลึกซึ้งมาก ทุกอย่างขณะนี้เกิดดับ แต่ไม่ปรากฏว่าเกิดดับ

จากไม่รู้อะไรเลย พระพุทธเจ้าทรงพระมหากรุณาแสดงความจริงให้เข้าใจถูก 45 พรรษาทรงแสดงความจริงของทุกอย่าง ทุกคำเพื่อให้เริ่มเข้าใจจนสามารถประจักษ์แจ้งขณะนี้ที่กำลังเกิดดับ ถ้าพระองค์ไม่ทรงแสดงความจริงให้ทุกคนเข้าใจ จะไม่สามารถประจากแจ้งความจริงเดี๋ยวนี้ได้เลย!!!

youtu.be/4OHLZj5yEbw

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 28 พ.ย. 2567

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ