สนทนาธรรมที่เนปาล_รู้จักพระพุทธเจ้าได้อย่างไร? #9
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
บางส่วนจากการสนทนาธรรมที่เนปาล เช้า 28/11/67 How to Know the Buddha?
ทุกครั้งที่พบกันเราจะกล่าวถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าเพื่อที่จะรู้คุณของพระองค์ยิ่งขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ถ้าไม่พูดถึงทุกคำที่พระองค์ตรัสเราจะรู้ไหมว่าพระองค์ทรงเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า หนทางที่จะรู้จักพระองค์ก็คือเดี๋ยวนี้!!
เดี๋ยวนี้หมายความถึงแต่ละหนึ่งขณะ ... เดี๋ยวนี้ที่กำลังเห็นไม่ใช่เดี๋ยวนี้ที่กำลังได้ยิน ขณะแรกที่เกิดไม่ใช่ขณะนี้ ถ้าไม่มีขณะแรกเกิดขณะนี้ก็ไม่มี ถ้าไม่มีขณะนี้ก็ไม่มีพรุ่งนี้ ตลอดชีวิตมีแต่ละหนึ่งขณะเกิดขึ้น ขณะนี้เห็น ... ใครทำให้เห็นเกิดขึ้นเห็น ... เดี๋ยวนี้ใครเห็น?!
พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมีนานมากเพื่อจะรู้ว่าเดี๋ยวนี้เห็น ... ใครเห็น?! ถ้าเห็นไม่เกิดก็ไม่มีเห็น เพราะฉะนั้นฟังคำของพระองค์ต้องรู้ความต่างกันของผู้ที่ไม่ใช่พระพุทธเจ้า เดี๋ยวนี้ไม่มีใครเป็นพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นจะรู้จักพระพุทธเจ้าที่ทรงปรินิพพานแล้วก็โดยฟังคำของพระองค์ที่ต่างจากคนอื่น ทุกคนกำลังคิดว่าแต่ละคนกำลังเห็น แต่พระพุทธเจ้าตรัสเห็นมีจริงเป็นธรรมะและธรรมะเดี๋ยวนี้ที่มีจริงๆ ไม่ใช่ใครแต่เป็นอนัตตา เพราะฉะนั้นที่จะต้องเข้าใจมั่นคง ... เห็นเป็นอะไรไม่ได้เลย ... เห็นเป็นเห็นเท่านั้น เพราะฉะนั้นเห็นเป็นธรรมะซึ่งเป็นธรรมะที่เห็น!!!
กำลังฟังคำของพระพุทธเจ้าหรือเปล่า?! เริ่มไม่มีเรา ... แต่มีเห็น ... ถูกต้องไหม?! ถ้ายังคิดว่าเห็นเป็นเรา ... รู้จักพระพุทธเจ้าหรือเปล่า?! พระองค์ทรงบำเพ็ญพระบารมีนานมากจึงรู้ว่าเห็นไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้นได้ยินคำว่าเห็นไม่ใช่เรา แต่เดี๋ยวนี้เห็นเป็นเราเห็นหรือเปล่า?!
พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรม 45 พรรษา เพื่อให้รู้ความจริงว่าแต่ละขณะที่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดปรากฏเป็นธรรมะทั้งหมด ฟังแล้วต้องไตร่ตรองจนเป็นความเข้าใจของตนเอง เห็นมีขณะเดียวคือขณะเห็น!! ได้ยินเกิดขึ้นเป็นขณะเดียวที่ได้ยิน เพราะฉะนั้นขณะเห็นไม่ใช่ขณะที่ได้ยิน ได้ยินก็เกิดขึ้นได้ยิน แล้วเห็นก็เกิดขึ้นเห็น เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือเปล่า?! เพราะฉะนั้นฟังทุกคำเพื่อรู้จักพระพุทธเจ้าว่า ทรงตรัสรู้ความจริง ... ใครจะรู้ว่าขณะเห็นหนึ่งขณะเท่านั้น ได้ยินเป็นอีกหนึ่งขณะไม่ใช่เห็น ... จริงไหม?! เป็นธรรมะหรือเปล่า?!
ฟังธรรมะเพื่อให้เข้าใจความจริงว่า สิ่งที่มีจริงที่มีทุกขณะเป็นธรรมะ ... ธรรมะที่มีจริงทั้งหมดเป็นอนัตตา
เห็นเป็นธรรมะ เห็นเป็นสัจจธรรมะ สิ่งที่มีจริงๆ ทั้งหมดแต่ละหนึ่งเป็นสัจธรรมะทั้งหมด มีคำว่าอริยสัจจธรรม เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจว่าธรรมะเดี๋ยวนี้มีจริงเป็นสัจธรรมะ ก่อนเห็นไม่มีเห็น และเดี๋ยวนี้เห็นเกิดแล้วเห็นแล้วเป็นสัจจธรรมะ เพราะเปลี่ยนเห็นให้เป็นอย่างอื่นไม่ได้!!
พระพุทธเจ้าทรงแสดงความลึกซึ้งอย่างยิ่งของธรรมะ เห็นเป็นธรรมะเมื่อเกิดขึ้นเห็น ถ้าไม่มีการตรัสรู้ของพระองค์ใครจะรู้ว่าเห็นเกิดขึ้นเห็นแล้วดับไป เห็นเมื่อวานนี้อยู่ไหน?! เห็นเมื่อวานนี้เกิดแล้วดับแล้วไม่กลับมาอีกเลยในสังสารวัฏ เห็นเมื่อกี้นี้ ... ก่อนเห็นยังไม่เกิด แล้วก็เกิดและดับไป
ทุกคนเกิดแล้วตายนับไม่ถ้วน คนที่ตายแล้วจะกลับมาอีกได้ไหม?! ก่อนคนนั้นตายนานแสนนานมาแล้ว ทุกคนก่อนตายก็เห็นอย่างนี้แหละ เพราะฉะนั้นเห็นเดี๋ยวนี้ก็กำลังตาย ทุกอย่างที่เกิดแล้วต้องดับ เป็นธรรมะที่มีจริงจึงเป็นสัจจธรรมะ พระพุทธเจ้าทรงประจักษ์การเกิดดับของแต่ละหนึ่งธรรมะเดี๋ยวนี้ ทรงแสดงว่าถ้าไม่ทรงแสดงธรรมที่ทรงตรัสรู้แล้ว จะไม่มีใครสามารถรู้ได้เลย
สัจธรรมมีจริงไหม?! ถ้าไม่เกิดมีไหม?! ถ้าไม่เกิดจะดับได้ไหม?! เดี๋ยวนี้เห็นเกิดหรือเปล่า?! แล้วดับหรือเปล่า?! เปลี่ยนให้ไม่ดับได้ไหม?! เพราะฉะนั้นเป็นสัจจธรรมะพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้การเกิดการดับของเห็นหรือเปล่า?! พระองค์ไม่ใช่เพียงเข้าใจแต่ประจักษ์แจ้งการเกิดดับของเห็นเดี๋ยวนี้ จึงเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า!!
มั่นคงในสัจจธรรมหรือยัง?! แต่ยังไม่มั่นคงที่จะรู้ว่าเดี๋ยวนี้เห็นเกิดแล้วดับ
ที่ไม่ใช่พระพุทธเจ้าประจักษ์การเกิดดับของเห็นเดี๋ยวนี้ได้ไหม?! ถ้าไม่ได้พระพุทธเจ้าไม่ทรงแสดงความจริงของธรรมะ ก่อนจะรู้ความจริงต้องฟังคำของพระองค์และเข้าใจสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ถูกต้องตามความเป็นจริง
เมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมะ มีผู้บำเพ็ญบารมีนานแสนนานมาแล้วพร้อมที่จะรู้ความจริงเดี๋ยวนี้ จึงมีท่านพระสารีบุตร ท่านพระมหากัสสปะ ท่านพระอานนท์เป็นต้น
เดี๋ยวนี้กำลังเห็น เห็นมีจริงเป็นธรรมะเป็นสัจธรรมะ ใครเปลี่ยนไม่ได้!! เมื่อรู้ความจริงอย่างท่านพระสารีบุตร ท่านพระมหากัสสปะ ท่านพระอานนท์ ธรรมะที่กำลังเกิดดับเดี๋ยวนี้เป็นอริยสัจจธรรม
พระพุทธศาสนามีพระรัตนตรัยประเสริฐสุดสามอย่างคือ
หนึ่ง พุทธรัตนะ พระพุทธเจ้าทรงเป็นพระพุทธรัตนะ
สอง ธรรมรัตนะ คำสอนทุกคำเรื่องความจริงให้คนอื่นได้รู้จนประจักษ์แจ้ง
สาม เป็นปัญญาของผู้ฟังธรรมะแล้วมีปัญญารู้แจ้งอริยสัจจธรรมเป็นสังฆรัตนะ
เพราะฉะนั้น รัตนสามหรือติรัตนะ มีพระพุทธเจ้าเป็นพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะและสังฆรัตนะ
ถ้าไม่เข้าใจธรรมะที่กำลังมีเดี๋ยวนี้เป็นสังฆรัตนะไม่ได้ ฟังแล้วรู้จักติรัตนะหรือยัง? นี่คืออริยสัจจธรรมรอบที่หนึ่ง ไม่มีใครจะถึงอริยสัจจธรรมรอบที่สองได้ ถ้าไม่มีการฟังและไตร่ตรองคำที่ได้ฟังจนมั่นคง
กำลังเริ่มฟัง เริ่มเข้าใจ มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง เป็นที่พึ่งให้เริ่มรู้ความจริงของเดี๋ยวนี้และทุกขณะ
พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงทุกขณะ เพราะฉะนั้นเดี๋ยวนี้ธรรมะอยู่ไหน?! กำลังเห็นเป็นธรรมะ
เริ่มค่อยๆ เข้าใจคำว่า "อนัตตา" สิ่งที่มีจริงเปลี่ยนไม่ได้เป็นสัจธรรม อีกนานไหมกว่าจะประจักษ์แจ้งอริยสัจจธรรมซึ่งกำลังเกิดดับ?! ... อีกนาน ... ถ้าฟังครั้งเดียวจะไม่เข้าใจความลึกซึ้ง ... ธรรมะลึกซึ้งมาก เข้าใจเมื่อไหร่เมื่อนั้นเป็นบารมี!!! ไม่เข้าใจธรรมะเป็นบารมีหรือเปล่า?! ไม่เป็น เพราะฉะนั้นเริ่มเข้าใจความจริงของทุกคำที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง 45 พรรษา
ธรรมะลึกซึ้งมากกำลังเกิดดับ ขณะที่เข้าใจถูก เข้าใจตรง ต้องมีความเพียร ... ถ้าฟังเฉยๆ ไม่ไตร่ตรอง ไม่มีความเพียร ... เข้าใจไม่ได้!!!
ความเข้าใจทีละเล็กทีละน้อยทุกขณะเป็นปัญญาบารมี เพราะฉะนั้นขณะที่กำลังฟัง ไตร่ตรอง เริ่มเข้าใจเป็นปัญญาบารมี เป็นวิริยะบารมี แม้ว่าจะกำลังง่วงและหิวก็ฟังต่อไปเป็นขันติบารมี
ปัญญาบารมีทำให้รู้จักคุณที่ประเสริฐที่สุดของการเข้าใจธธรรมะ ปัญญาบารมีทำให้เข้าใจว่าพระธรรมลึกซึ้งและยากมาก ขณะใดไม่รู้ ไม่เข้าใจและเป็นอกุศล ไม่สามารถรู้ความจริงได้!!! ขณะที่ไม่รู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด ... อะไรดี อะไรชั่ว ขณะนั้นทำให้เกิดอกุศลมากมาย
ด้วยเหตุนี้ ปัญญาไม่ได้นำความทุกข์มาให้เลย ปัญญานำมาซึ่งคุณความดีทั้งปวง ปัญญาทำให้รู้ว่าแม้เพียงกุศลเล็กน้อยแค่หนึ่งขณะก็มีประโยชน์มหาศาล เพราะถ้ากุศลไม่เกิด อกุศลเกิดแล้ว ถ้าไม่รู้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี จะมีความดีเพิ่มขึ้นได้ไหม?
ต้องตรงต่อความจริง ตรงต่อความจริงว่าวันนี้กุศลเกิดมากหรืออกุศลเกิดมาก?! ตื่นขึ้นมาอกุศลหรือกุศล?! เป็นอกุศล เพราะฉะนั้น อกุศลมีมากกว่า เพราะฉะนั้นเห็นโทษของอกุศลหรือยัง?! มีอกุศลๆ ๆ ๆ ทุกวัน ... เพิ่มขึ้นๆ ๆ ๆ ทุกวัน แล้วเมื่อไหร่จะละอกุศลหมด?!
เริ่มตรงต่อความจริงเป็นสัจจบารมี ถ้าไม่รู้ความจริงว่าอกุศลมาก เห็นโทษของอกุศลแล้วจะค่อยๆ เริ่มฟังคำของพระพุทธเจ้า จนกว่าจะรู้ความจริงจากการฟังคำของพระองค์ละเอียดขึ้น
ใครเห็นโทษของกิเลสบ้าง?! เพียงเห็นโทษของกิเลสแต่ไม่ฟังคำของพระพุทธเจ้าให้เข้าใจยิ่งขึ้น จะสามารถละกิเลสได้ไหม?? เห็นโทษของกิเลสแล้วไม่ฟังคำพระพุทธเจ้า จะเห็นโทษของกิเลสเพิ่มขึ้นไหม??
จะฟังคำของพระพุทธเจ้าต่อไปอีกไหม?! ฟังเพื่อ ... พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ... ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ ... สังฆังสรณัง คัจฉามิ
วันนี้ยินดียิ่งที่มีผู้เริ่มมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นสรณะ ไม่มีการแสดงความเคารพและบูชาพระพุทธเจ้าด้วยวิธีอื่น นอกจากการฟังคำของพระองค์ ต้องการทรัพย์สมบัติมากมายมหาศาลหรือว่าต้องการเข้าใจคำของพระพุทธเจ้า??
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ