พ่ายแพ้ต่อคลื่นลมพายุของอกุศล

 
เมตตา
วันที่  10 ธ.ค. 2567
หมายเลข  49079
อ่าน  233

อ.คำปั่น: ก็เป็นคำที่ไพเราะมากครับ ก็คือ โพธิสมภาร ก็ได้ฟังข้อความที่ท่านอาจารย์ได้สนทนาได้อัญเชิญมาจาก ขุททกนิกาย จริยาปิฎก ซึ่งก็มีความละเอียดมากครับ ก็ขอกล่าวภาษาบาลีก่อน โพธิ คำหนึ่ง และ สัมภาระ คำนี้ก็ได้ยินบ่อยๆ ใช่ไหมครับ ซึ่งเวลาจากบาลีมาเป็นไทย ก็จะไม่เห็นพยัญชนะที่เป็นภาษาบาลีโดยตรง ก็จะเป็น โพธิ + สมภาร ซึ่ง โพธิ ก็คือปัญญาเป็นเครื่องตรัสรู้ สัมภาระ ก็คือสิ่งที่จะนำไป เป็นไปพร้อมกัเพื่อโพธินั่น ครับ

ซึ่งข้อความท่านอาจารย์ได้อธิบายก็ชัดเจนอย่างยิ่ง ก็คือ การสะสมอบรมบารมี สะสมคุณความดีทั้งหลายที่จะถึงซึ่งการตรัสรู้ความจริง หรือรู้แจ้งอริยสัจจธรรม

เพราะฉะนั้น ก็เป็นคำที่ไพเราะมากก็ไม่พ้นไปจากการอบรมเจริญกุศล สะสมคุณความดีทั้งหลายทั้งปวงที่จะเป็นบารมี เป็นธรรมที่จะเป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสจนกว่าจะถึงฝั่งแห่งการดับกิเลส จนกว่าจะถึงฝั่งแห่งการได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ดับกิเลสตามลำดับขั้น ซึ่งก็เป็นประโยชน์อย่างยิ่งแม้แต่ที่ อ.วิชัย ได้สนทนากับท่านอาจารย์เมื่อสักครู่ สักกัจจภาวนา ก็เป็นหนึ่งใน โพธิสมภาร ก็คือเป็นหนึ่งในธรรม เป็นหนึ่งในคุณธรรมที่จะทำให้ถึงการรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้ ก็คือการอบรมเจริญกุศลบำเพ็ญกุศลด้วยความเคารพครับ ซึ่งภาวนาทั้ง ๔ อย่างก็เป็นการอบรมเจริญกุศล อบรมคุณความดีประการต่างๆ เพื่อถึงการตรัสรู้ความจริง

ก็ขอโอกาสกราบเท้าท่านอาจารย์ว่า ในแต่ละภาวนาก็ไพเราะอย่างยิ่ง ก็ขอโอกาสเพื่อความละเอียดในภาวนาแต่ละภาวนาครับ ก็คือ สัพพสัมภารภาวนา อันนี้ก็คือการอบรมเจริญกุศลสะสมคุณความดีทุกประการ ก็กราบเท้าท่านอาจารย์ในภาวนาแรกด้วยครับ

ท่านอาจารย์: อกุศลสามารถที่จะรู้ความจริงได้ไหม?

อ.คำปั่น: อกุศลไม่สามารถรู้ความจริงได้ครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น จึงต้องสะสมกุศลทุกประการไม่เว้นใช่ไหม?

อ.คำปั่น: ใช่ครับ ไม่เว้นครับ

ท่านอาจารย์: เมื่อได้เห็นประโยขน์อย่างยิ่งว่า อีกนานเท่าไหร่กว่าจะประจักษ์แจ้งความจริงที่ขณะนี้กำลังเป็นอย่างนั้นให้ปรากฏได้

อ.คำปั่น: ถ้ากล่าวถึงคุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ความดีที่ประเสริฐยิ่ง ก็คือปัญญาครับ คุณความดีประการต่างๆ ที่ไม่ใช่ปัญญาจะอุปการะเกื้อกูลต่อปัญญา หรือว่าปัญญาจะอุปการะเกื้อกูลต่อคุณความดีอื่นๆ อย่างไรครับ?

ท่านอาจารย์: ถ้าคุณความดีไม่เกิด อะไรเกิด?

อ.คำปั่น: อกุศลเกิดครับ

ท่านอาจารย์: แล้วอย่างไรค่ะ ทั้งวัน เมื่อไหร่กุศลจะเกิด แม้เพียงกุศลซึ่งไม่ประกอบด้วยปัญญาระดับต่างๆ ก็ยังเกิดไม่ได้ด้วยความหนัก ด้วยความหนาของอกุศล ซึ่งทำให้ทุกขณะไม่รู้เลย หนักขึ้นๆ ๆ ด้วยความไม่รู้

อ.คำปั่น: ครับ ยิ่งฟังก็ยิ่งไพเราะ เห็นถึงความเป็นจริงเลยว่า วันๆ มีแต่อกุศล และจะเป็นอย่างไร? ก็จะสะสมอกุศลเพิ่มขึ้นต่อไปอีกซึ่งก็มีแต่โทษเท่านั้นครับ

ท่านอาจารย์: แล้ววันนี้ก็เป็นอย่างนี้ เมื่อวานก็เป็นอย่างนี้ ทุกวันก็เป็นอย่างนี้ใช่ไหม?

อ.คำปั่น: ครับ จึงต้องได้อาศัยพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้วครับ

ท่านอาจารย์: เป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่จะไม่ประมาทในกุศลแม้เพียงเล็กน้อย ก็เกิดดีกว่าให้อกุศลเกิด

อ.คำปั่น: ครับ แล้วก็เห็นคุณค่าอย่างยิ่งของกุศลที่เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ครับ

ท่านอาจารย์: และ กุศลเล็กๆ น้อยๆ ก็เพิ่มขึ้นในชีวิตประจำวันได้ เมื่อค่อยๆ สะสมปัจจัยที่จะให้กุศลเกิด

อ.คำปั่น: ครับ เป็นความจริงอย่างนั้นเลยครับ

ท่านอาจารย์: ต้องอดทน ขันติบารมี ต่อการที่จะไม่เป็นอกุศลในวันหนึ่งๆ

อ.คำปั่น: ครับ เป็นประโยชน์มากเลยครับ

ท่านอาจารย์: แล้วสำเร็จบ้างไหม หรือว่า พ่ายแพ้ต่อคลื่นลมพายุของอกุศล ซึ่งพร้อมที่จะเกิดเพราะมีปัจจัยสะสมมาที่จะเกิดบ่อยๆ เป็นประจำ

แค่นี้ก็เห็นว่า จะต้องอาศัยคุณความดีประการต่างๆ ที่จะไม่ให้เป็นอกุศลมากเท่าไหร่ และสำคัญที่สุด คือต้องมีความเข้าใจที่ตรงที่ได้ฟังมาว่า ไม่มีเรา เป็นอนัตตา

ทั้งหมดตลอด ไม่ว่ากุศลประเภทใด อะไรก็ตามทั้งหมด ประโยชน์สูงสุด คือเมื่อรู้ว่า เป็นธรรมทั้งหมด เป็นธรรมที่เป็นอนัตตา

ขอเชิญฟังได้ที่..

ปรมัตถธรรมเป็นอนัตตา

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.คำปั่น ด้วยความเคารพค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 10 ธ.ค. 2567

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
สิริพรรณ
วันที่ 12 ธ.ค. 2567

กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิต อ.คำปั่น พี่เมตตาด้วยค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ