ละความโกรธ

 
สารธรรม
วันที่  15 ธ.ค. 2567
หมายเลข  49109
อ่าน  126

พระสูตรต่างๆ ที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้ ถ้าท่านพิจารณามากๆ บ่อยๆ ใคร่ครวญให้เห็นประโยชน์จริงๆ ของการที่จะละความโกรธ ท่านก็จะเจริญหนทางที่จะทำให้ละคลายความโกรธลงได้บ้าง


ถ้าท่านผู้ใดกำลังโกรธ หรือกำลังผูกโกรธใครอยู่ก็ตาม ก็ควรพิจารณาธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้ใน ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท โกธวรรคที่ ๑๗ ซึ่ง มีข้อความว่า

บุคคลพึงละความโกรธเสีย พึงละมานะเสีย พึงก้าวล่วงสังโยชน์เสียทั้งหมด ทุกข์ทั้งหลาย ย่อมไม่ตกตามบุคคลนั้น ผู้ไม่ข้องอยู่ในนามรูป ไม่มีกิเลสเครื่องกังวล

ลักษณะของความโกรธที่เกิด เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ถ้าสติระลึกรู้ เห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี ขณะนั้นเป็นประโยชน์ เพราะท่านได้รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงที่สะสมมาว่า ยังมีกิเลสอะไรอีกมากน้อยเท่าไรที่ปรากฏให้รู้ เพื่อที่จะได้ละเสีย ด้วยการที่สติระลึกรู้ในขณะนั้น ผู้ไม่ข้องอยู่ในนามรูป จึงจะไม่มีกิเลสเครื่องกังวล

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

พึงชนะความโกรธด้วยความไม่โกรธ พึงชนะความไม่ดีด้วยความดี พึงชนะความตระหนี่ด้วยการให้ พึงชนะคนมักกล่าวคำเหลาะแหละด้วยคำสัตย์

บางท่านอาจจะบอกว่า ทำไม่ได้แน่ ยังเป็นคนที่มีกิเลสมากเหลือเกิน จะชนะความโกรธด้วยความไม่โกรธนี่ยากจริงๆ แต่ขอให้ทราบว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่จะชนะบุคคลอื่น การชนะความโกรธที่ท่านมี เป็นกุศลจิตของท่านเองที่เกิดขึ้นชนะความโกรธ ชนะความไม่ดีด้วยความดี คือ ในขณะนั้นเป็นกุศลของท่าน ที่เจริญอบรมเพื่อชนะความไม่ดีที่มีอยู่ในตัวท่านเอง

ขณะที่ท่านอบรม ศึกษา สำเหนียก รู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม ขณะหนึ่งบ้าง สองขณะบ้าง หลายขณะบ้าง เป็นการสะสมปัญญา ซึ่งเมื่อสะสมแล้วไม่หายไปไหน ไม่มีใครสามารถจะไถ่ถอนการศึกษาลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมที่เกิดพร้อมสติในขณะนี้ ที่ระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมไปจากท่านได้เลย

ชั่วแต่ละขณะที่สติเกิดระลึก สำเหนียก สังเกต เพื่อรู้ในสภาพที่ไม่ใช่ตัวตน เป็นแต่เพียงลักษณะของนามธรรมบ้าง รูปธรรมบ้าง เป็นการสะสมที่จะทำให้วันหนึ่ง ปัญญาสามารถที่จะรู้ชัดในลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมตามความเป็นจริง แต่ถ้าท่านไม่อบรมเจริญด้วยการศึกษา ระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม หวังที่จะไปทำอย่างอื่น ไม่มีการสะสม คือ การศึกษา สำเหนียก รู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมเลย เพียงแต่มุ่งหวังจะไปรู้แจ้งอริยสัจธรรม จะไปประจักษ์การเกิดดับของนามธรรมและรูปธรรม เป็นอุทยัพพยญาณ เป็นวิปัสสนาญาณต่างๆ จะหวังได้อย่างไร ในเมื่อสติไม่เคยเกิดขึ้น ไม่เคยศึกษา ไม่เคยสะสมการที่จะให้ปัญญาถึงความสมบูรณ์ที่จะประจักษ์ในสภาพที่ไม่ใช่ตัวตนของนามธรรมและรูปธรรมเลย

มีหนทางเดียวจริงๆ คือ สติเกิดขึ้น ศึกษา สำเหนียก เพื่อให้ปัญญารู้ในลักษณะที่เป็นนามธรรมและรูปธรรมเนืองๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน

ขอเชิญรับฟัง

พึงชนะคนโกรธ ด้วยความไม่โกรธ

ขอเชิญรับฟัง

สารธรรมจากพระไตรปิฎก


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ก.ไก่
วันที่ 15 ธ.ค. 2567

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ