เมื่ออยากแล้วก็รู้ไม่ได้เลย ตราบใดที่ยังอยาก

 
ธรรมทัศนะ
วันที่  25 ก.ย. 2550
หมายเลข  4912
อ่าน  988

เมื่ออยากแล้วก็รู้ไม่ได้เลย ตราบใดที่ยังอยาก ไม่สามารถที่จะละ แล้วเห็นสภาพธรรมตามความเป็นจริง เพราะขณะใดที่อยาก ขณะนั้น “อวิชชา”เพราะไม่รู้ความจริงของสภาพธรรมที่ปรากฎ เพราะฉะนั้น ก็สามารถที่จะเข้าใจถึงการสะสมปัญญา และบารมีอื่นๆ ที่จะทำให้ดับกิเลสได้จริงๆ ไม่เกิดอีกเลย แต่กิเลสมีตั้งหลายระดับ มีอย่างหยาบปรากฎทุกคนก็รู้และอย่างกลางคนอื่นไม่เห็นไม่รู้ แต่เกิดแล้วคนนั้นรู้ และก็อย่างที่ไม่รู้เลยว่ามี เช่น ในขณะที่นอนหลับสนิท ตื่นขึ้นมา มีแล้ว กิเลสมาจากไหน ถ้าไม่มีการสะสม เป็นอนุสัยอยู่ แต่ว่าปัญญาสามารถที่จะดับอนุสัยซึ่งเป็นปัจจัยที่จะให้เกิดอกุศลทุกระดับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
มึนตึบ
วันที่ 25 ก.ย. 2550
ปล่อยวาง แล้วสภาพธรรมจะปรากฏให้ระลึกรู้ได้แม้เพียงทีละเล็กทีละน้อย แต่ก็ไม่มีสิ่งใดมากั้น
 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wannee.s
วันที่ 25 ก.ย. 2550

ปปัญจธรรม คือ ตัณหา มานะ ทิฏฐิ เป็นธรรมเครื่องเนิ่นช้า

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 25 ก.ย. 2550

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

การจะรู้ธรรมไม่ใช่ด้วยความอยาก ขณะที่อยาก ขณะนั้นไม่รู้ความจริง แต่เมื่อความ

อยากเกิดขึ้นและดับไปแล้ว สามารถรู้ความจริงได้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา แม้ความอยากที่เกิดขึ้นเพราะความอยากก็เป็นธรรม ขออนุโมทนา ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ครูโอ
วันที่ 26 ก.ย. 2550

ความอยากที่ให้โทษน้อย คือความอยากที่จะรู้ อยากจะเข้าใจธรรมะ อกุศลเป็นปัจจัยให้เกิดกุศลได้ คือเมื่ออยากจะรู้ แต่ไม่รู้ ก้ต้องศึกษา ด้วยการฟังพระธรรมบ่อยๆ เนืองๆ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 28 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ