เป็นพระคุณยิ่งครับ!

 
natthaset
วันที่  25 ก.ย. 2550
หมายเลข  4913
อ่าน  1,137

เพราะเมตตา และกรุณาใช่ไหมครับ ที่ท่านทั้งหลายได้ตอบคำถามของกระผมทุกคำถาม (แม้นมันจะจำเจ เดิมๆ บางครั้งอยากค้นหาคำถามและคำตอบที่เคยมีก่อน แต่บางที่ไม่ตรงจริตผม!)

ผมนึกสงสัยว่า อะไรหนอ ทำให้ท่านทั้งลาย มีพลัง แรงกาย แรงใจ ทำความดีทั้งๆ ที่ท่านไม่ยึดติดกับมัน ความรัก และอยากช่วยเหลือพวกผมหรือครับ?

โลกนี้น่าอยู่และน่ารักเพราะมีคนอย่างท่านๆ เคยได้ยินพระสูตร (จำรายละเอียดและที่มาไม่ได้ครับ) มีใจความว่า ถ้าโกรธตอบคนที่โกรธเรา ถือว่าไม่ทำตามคำสอนของพระพุทธองค์ และควรให้ความรักแก่สรรพสัตว์เท่ากับให้ความรักที่ให้แก่ลูกคนเดียวที่เกิดจากตน ข้อความนี้เป็นจริงใช่ไหมครับ คนแบบนี้คงหาได้ยาก.ก.ก มากในความรู้สึกผม นอกจากอริยบุคคลและพระอรหันต์ ในความคิดผมยังไม่เห็นพลังอื่นที่แรงเท่าพลังของเมตตาธรรมและกรุณาธรรม

ขอบคุณเมตตาธรรม กรุณาธรรม และธรรมอื่นที่เป็นหมายสู่ความจริงแท้!


  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wannee.s
วันที่ 25 ก.ย. 2550
ขออนุโมทนา
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ajarnkruo
วันที่ 25 ก.ย. 2550

ผมคิดว่าอาจจะไม่ใช่แค่เพียงเพราะ "กุศลเมตตา" และ" กรุณากุศล" ครับ แต่เป็นเพราะกุศลธรรมทุกประการ โดยเฉพาะกุศลธรรมที่ประกอบไปด้วยปัญญาซึ่งก่อให้เกิดความเพียรที่จะกระทำประโยชน์เกื้อกูลแก่ผู้อื่น ด้วยการให้ธรรมทานอันประเสริฐโดยไม่คิดลังเล ดังเช่น ท่านพระสารีบุตร ท่านแสดงธรรมถึงร้อยครั้งพันครั้ง ไม่ใช่เพื่ออะไรทั้งสิ้นก็เพื่ออนุเคราะห์เกื้อกูล จนพระภิกษุซึ่งศึกษากับท่านรูปนั้นได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน จากนั้นท่านจึงจะไปแสดงธรรมเกื้อกูลพระภิกษุรูปอื่นต่อไป ท่านพระสารีบุตรท่านช่วยแล้วท่านก็ช่วยตลอดจริงๆ และท่านก็ยังคงกระทำประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายแม้ว่าท่านจะหมดกิจที่จะต้องกระทำ เพราะเป็นถึงพระอรหันต์แล้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นประโยชน์ของการเจริญกุศลธรรม เวลาส่วนใหญ่ของเราก็คงจะหมดไปกับความสุขเพียงชั่วขณะที่ฟังเพลง เล่นเกมส์ อ่านข่าวบันเทิง หรือเรื่องราวที่ไม่มีสาระแก่นสารตามเว็บไซด์อื่นๆ โดยไม่สนใจที่จะเข้ามาศึกษาพระธรรมในที่แห่งนี้เราคงจะถูกพาให้ไหลไปตามกระแสของอกุศล คือเป็นไปตามอำนาจของ "โลภะ" โดยตลอดด้วยความไม่รู้เนื้อรู้ตัว ถ้าไม่ได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม เราก็จะไม่มีทางรู้ว่าตนเองยังมีกิเลสอยู่เต็มและจิตก็ถูกรุมเร้าด้วยอกุศลให้หวั่นไหวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เมื่อไม่รู้ตัวก็หลงลืมสติ ก็ย่อมจะไม่รู้จักอกุศล เมื่อไม่รู้จักอกุศล ก็ย่อมจะไม่เห็นโทษจริงๆ ของอกุศล เมื่อไม่เห็นโทษ ก็ย่อมจะไม่ละอาย และไม่เกรงกลัวต่อบาปที่คิดจะกระทำ

สุดท้าย ก็ไม่พ้นที่จะต้องพบเจอกับความทุกข์ใจแสนสาหัสจากอกุศลกรรมอันเกิดจากความประมาทในการเจริญกุศลช้าไป เพราะพอคิดจะเจริญกุศลขึ้นมาก็ถูกอกุศลรั้งไว้ไม่ให้กระทำ ปุถุชนเป็นผู้ที่สั่งสมกิเลส ได้แก่อวิชชามามาก แทนที่จะได้เจริญกุศลก็กลับกลายเป็นการงอกเงยของอกุศลไปเสียแล้ว ...

ขออนุโมทนาในกุศลผลบุญของคุณ natthaset ที่ได้มีโอกาสเข้ามาศึกษาพระธรรมโดยแนวทางการเจริญปัญญา เพราะชาติไหนก็ไม่ประเสริฐเท่าชาติ

ที่เกื้อกูลกันด้วยพระธรรมครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
natthaset
วันที่ 26 ก.ย. 2550

ขอบคุณ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ตุลา
วันที่ 27 ก.ย. 2550

ขอกราบบูชาคุณพระรัตนตรัย

ขออนุโมทนาในกุศลจิตกับความคิดเห็นที่ ๓ ด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
natthaset
วันที่ 27 ก.ย. 2550

ผมเริ่มจะเข้าใจคำว่า กุศลธรรม ขึ้นบ้างแล้วครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 23 มี.ค. 2566

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ