คำพูดของอาจารย์ค้านกันเอง เรื่องการเจริญสติ
การเจริญสติปัฏฐานนั้น คือ เป็นผู้ที่มีปกติอบรมเจริญสติปัฏฐาน ระลึกรู้ลักษณะของกาย ของเวทนา ของจิต ของธรรม ที่เกิดขึ้นตามปกติเพราะเหตุปัจจัยตามความเป็นจริง
ผู้ฟัง อันผมเห็นว่า คำพูดของอาจารย์ค้านกันเอง เพราะพูดว่า การเจริญสติไม่จำกัดสถานที่ แต่การไปสำนักปฏิบัตินั้น ก็ไปเพื่อการศึกษาและอบรมจิตนั่นเอง เพื่อให้จิตสงบจากอารมณ์ภายนอก และพิจารณากายในกายนั่นแหละ เพื่อให้สติและปัญญาเห็นตามความเป็นจริงว่า กายก็สักแต่ว่ากาย ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน ไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ ให้เห็นเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา และเป็นของปฏิกูล น่าเบื่อหน่าย ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
ท่านอาจารย์ สำหรับจดหมายฉบับนี้ จะขอกล่าวถึงข้อความที่ท่านเขียนมา ๒ ตอนคือ ตอนแรกท่านกล่าวว่า อันผมเห็นว่า คำพูดของอาจารย์ค้านกันเอง เพราะพูดว่า การเจริญสติไม่จำกัดสถานที่
ท่านกล่าวว่า ดิฉันพูดค้านกันเอง
การเจริญสติปัฏฐานนั้น คือ เป็นผู้ที่มีปกติอบรมเจริญสติปัฏฐาน ระลึกรู้ลักษณะของกาย ของเวทนา ของจิต ของธรรม ที่เกิดขึ้นตามปกติเพราะเหตุปัจจัยตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้น ถ้าท่านผู้ฟังเป็นผู้ที่มีปกติจริงๆ ทำไมจะต้องมีสำนักปฏิบัติ ในเมื่อท่านเป็นผู้ที่มีปกติอบรมเจริญสติปัฏฐานแล้ว ไม่ว่าท่านจะนั่ง จะนอน จะยืน จะเดิน จะพูด จะนิ่ง จะคิด อยู่ที่นี่ ท่านก็เป็นผู้มีปกติเจริญสติปัฏฐาน ถ้าท่านเข้าใจความหมายและท่านปฏิบัติถูก ไม่ว่าท่านจะไปสู่สถานที่ใด สติก็เกิดขึ้น ระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม เป็นปกติจริงๆ ตามปกติจริงๆ อย่างนี้แล้ว จะต้องมีชื่อว่าห้องปฏิบัติไหม
ที่มา และ ขอเชิญรับฟัง

กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า
ตัวอย่างของผู้ที่บรรลุ ไม่ใช่ไปสำนักปฏิบัติแล้วบรรลุ ไม่มีเลย!! (ท่านเหล่านั้นบรรลุธรรมขณะกำลังทำอาหารอยู่) ในครัว กำลังล้างเท้า กำลังฟังธรรม แล้วไปสำนักปฏิบัติที่ไหน? ไม่มีสำนักปฏิบัติที่จะปฏิบัติ เพราะเหตุว่า ทั้งหมด เป็นอนัตตา สติสัมปชัญญะมีปัจจัยเกิดจึงเกิดโดยความเป็นอนัตตา "หนทางนี้ ต้องเป็นหนทางที่เข้าใจความเป็นอนัตตายิ่งขึ้นตามลำดับ" จนกว่าจะประจักษ์แจ้ง ความเป็นอนัตตา!!!
ที่มา ...
สำนักปฏิบัติธรรม ทำลายพระพุทธศาสนา
กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
ขอบพระคุณในธรรมทานจากทุกท่านค่ะ