ลาภ สักการ ชื่อเสียง เป็นอันตรายแก่การบรรลุธรรม [สุทธกสูตร]
ปุถุชนทั้งหลายแสวงหาลาภ สักการะ ชื่อเสียง แต่เขาไม่รู้ว่านั่นเป็นสิ่งที่เป็นอันตราย
แก่การบรรลุมรรค ผล ของเขา สมดังพระพุทธพจน์ดังนี้
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่ 639
ลาภสักการสังยุต สุทธกสูตร
ว่าด้วยลาภสักการะเป็นอันตรายแก่การบรรลุธรรม
[๕๓๖] ข้าพเจ้าได้ฟังมาอย่างนี้ :- สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระ-ภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า พระเจ้าข้า. [๕๓๗] พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลายลาภสักการะ และความสรรเสริญ ทารุณ เผ็ดร้อน หยาบคาย เป็นอันตรายแก่การบรรลุธรรมอันเกษมจากโยคะ ซึ่งไม่มีธรรมอื่นยิ่งไปกว่าเพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราทั้งหลายจักละลาภสักการะและความสรรเสริญที่เกิดขึ้นแล้วเสีย และลาภสักการะและความสรรเสริญที่บังเกิดขึ้นแล้ว จักครอบงำจิตของเราทั้งหลายตั้งอยู่ไม่ได้เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ. จบสุทธกสูตรที่ ๑
ทีฆโลมสูตร ว่าด้วยคนติดลาภสักการะเหมือนแกะถูกหนามเกี่ยว
[๕๔๕] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระ-ภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ลาภสักการะและความสรรเสริญทารุณ เผ็ดร้อน หยาบคาย เป็นอันตรายแก่การบรรลุธรรมอันเกษมจากโยคะ ซึ่งไม่มีธรรมอื่นยิ่งไปกว่า. [๕๔๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แกะขนยาวเข้าไปสู่ชัฏหนาม มันพึงข้องอยู่ อันหนามเกี่ยวไว้ ติดอยู่ในที่นั้นๆ ได้รับทุกข์ ถึงความพินาศในที่นั้นๆ ฉันใด ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ อันลาภ สักการะและความสรรเสริญครอบงำ ย่ำยีจิตแล้วก็ฉันนั้น ...............
เอฬกสูตร ว่าด้วยคนติดลาภสักการะเหมือนแมลงวัน
[๕๔๗] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระ-ภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ลาภสักการะและความสรรเสริญทารุณ เผ็ดร้อน หยาบคาย เป็นอันตรายแก่การบรรลุธรรมอันเกษมจากโยคะ ซึ่งไม่มีธรรมอื่นยิ่งไปกว่า. [๕๔๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แมลงวันกินขี้เต็มท้อง และข้างหน้ายังมีกองขี้ใหญ่ มันพึงดูหมิ่นแมลงวันเหล่าอื่นว่า เรากินขี้ เต็มท้องแล้ว และเรายังมีกองขี้ใหญ่อยู่ข้างหน้าอีกฉันใด ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ อันลาภสักการะและความสรรเสริญครอบงำ ย่ำยีจิตแล้วก็ฉันนั้น เวลาเช้า นุ่งแล้วถือบาตรและจีวรเข้าไปบิณฑบาตยังบ้านหรือนิคม ฉันอยู่ ณ ที่นั้นพอแก่ความต้องการแล้ว และทายกนิมนต์เพื่อให้ฉันในวันรุ่งขึ้น แม้บิณฑบาตของเธอจะเต็มแล้ว เธอไปอารามแล้ว อวดอ้างที่ท่ามกลางหมู่ภิกษุว่า ผมฉันพอแก่ความต้องการแล้ว ทายกยังนิมนต์เพื่อให้ฉันในวันรุ่งขึ้น บิณฑบาตของผมก็เต็ม และยังจะได้จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขารอีก ส่วนภิกษุเหล่าอื่นนี้มีบุญน้อย มีศักดิ์น้อย จึงไม่ได้จีวร บิณฑบาต เสนาสนะและคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร เธออันลาภสักการะและความสรรเสริญครอบงำย่ำยีจิตแล้ว ย่อมดูหมิ่นภิกษุเหล่าอื่นผู้มีศีลเป็นที่รัก ข้อนั้นของโมฆบุรุษนั้นย่อมเป็นไปเพื่อสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์สิ้นกาลนานลาภสักการะและความสรรเสริญ ทารุณ ฯ ล ฯ อย่างนี้แล เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ. จบเอฬกสูตรที่ ๕
คาถาพระบิณโฑลภารทวาช
นักปราชญ์มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ได้กล่าวการ
ไหว้ การบูชา ในตระกูลทั้งหลายว่า เป็นเปลือก
ตม เป็นลูกศรอันละเอียด ถอนขึ้นได้ยาก สักการะ
อันบุรุษชั่วละได้ยาก ดังนี้.
ขอกราบบูชาคุณพระรัตนตรัย
เป็นกระทู้ที่ดีมากค่ะ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตด้วยค่ะ
แมลงวันมีขี้เต็มท้อง และข้างหน้ายังมีกองขี้ใหญ่
นมัตถุ พุทธานัง อนัตถุ โพธิยา
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 652
บทว่า เอตมตฺถ วิทิตฺวา ความว่า ทรงทราบถึงการที่แมลงเม่าทั้ง-
หลาย ไม่รู้ประโยชน์คนถึงความวอดวายไร้ประโยชน์ ด้วยความพยายาม
ของตนนี้ จึงทรงเปล่งอุทานนี้ อันแสดงถึงความวอดวายของทิฏฐิคติก-
บุคคล โดยการถือผิดเหมือนแมลงเม่าเหล่านั้น...................
กล่าวคือภพ ๓ ที่ไฟ ๑๑ กองมีราคะเป็นต้นลุกโชนแล้ว เหมือนแมลงเม่า
เหล่านี้ ตกไปสู่เปลวเพลิงนี้ฉะนั้น อธิบายว่า เขาไม่อาจจะเงยศีรษะขึ้นได้
จากหลุมถ่านเพลิงนั้น.
....................ขออนุโมทนา.........................