ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗๐๔

 
khampan.a
วันที่  16 ก.พ. 2568
หมายเลข  49500
อ่าน  1,396

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗๐๔





~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระมหากรุณาแสดงธรรมให้ทุกคนได้ฟัง ไตร่ตรองจนเป็นความเข้าใจถูกเห็นถูกของตนเอง จนสามารถที่จะรู้ได้ว่าผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา มิฉะนั้น ก็ไม่เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้แต่เอ่ยชื่อ ถ้าไม่เข้าใจตั้งแต่คำแรก คือคำว่า ธรรม จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อย่างไร

~ นอบน้อมพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่อยู่ที่คำ แต่อยู่ที่การเข้าใจสิ่งที่พระองค์ตรัสไว้จึงระลึกถึงพระคุณซึ่งไม่สามารถที่จะเปรียบได้เลยจากที่ตัวเองเป็นคนโง่ไม่รู้มานานในสังสารวัฏฏ์ก็สามารถที่จะเกิดความเข้าใจขึ้นได้ในสิ่งที่มีจริงๆ ซึ่งไม่เคยเข้าใจมาก่อน นั่นคือ ความนอบน้อมสูงสุด

~ ควรที่จะเห็นประโยชน์อย่างยิ่งของการที่จะได้เข้าใจพระธรรม แต่ขอให้เป็นผู้ที่ไม่ประมาทในการฟังพระธรรม เพราะว่าเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งจะต้องไตร่ตรอง ศึกษาครบถ้วนในความถูกต้อง มิฉะนั้น ก็คลาดเคลื่อน ถ้าเข้าใจผิดไป ก็เป็นภัยอย่างยิ่ง

~ เริ่มเห็นสิ่งที่เป็นคุณเป็นประโยชน์ว่าเป็นประโยชน์จึงเริ่มทำความดีและเห็นโทษแม้ของอกุศลเพียงเล็กน้อย เพราะเล็กน้อยก็มากเพราะเหตุว่าเกิดแล้วเกิดอีกๆ มากมายเพิ่มขึ้นมากกว่ากุศลมากมาย เมื่อได้เห็นโทษของอกุศลอย่างนี้จึงค่อยๆ ละคลายด้วยความเห็นที่ถูกต้อง ถ้าไม่มีความเห็นถูก ละไม่ได้

~ เมื่อมีความไม่รู้อยู่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความไม่ดีอื่นๆ มากมาย ใช่ไหม? เพราะไม่รู้ว่าความไม่ดีนั้นไม่ดี ถ้ารู้อย่างนี้ ขณะใดที่ไม่รู้และไม่ดี ขณะนั้นไม่สามารถจะให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกิดได้ จึงทำสิ่งที่ดี เพื่อขณะนั้นจะได้ไม่มีความไม่รู้และความไม่ดีเพิ่มขึ้นๆ จึงเห็นประโยชน์ของความดี คือ ขณะที่ความดีลักษณะธรรมที่ดีเกิด ขณะนั้นจะไม่มีธรรมที่ไม่ดีเกิดแน่นอน เกิดร่วมกันไม่ได้

~ ปัญญาความเข้าใจถูก นำมาซึ่งคุณความดีทุกประการ ถ้ารู้ว่าเขากำลังว่าเรา เพราะเขาไม่รู้ จะโกรธไหม? ถ้าโกรธเมื่อไหร่ เราไม่รู้แล้วว่าโกรธนั้นเป็นโทษเกิดแล้วกับเรา ทำร้ายเรา คำของเขาไม่ได้ทำร้ายเรา แต่ใจที่ร้ายของเราทำร้ายเรา เพราะฉะนั้น ความเข้าใจธรรมก็จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ทั้งทางกายทางวาจาและใจ ฟังธรรมให้เข้าใจ เป็นที่พึ่ง จึงกล่าวว่ามีธรรมเป็นที่พึ่ง

~ โกรธไม่เป็นประโยชน์อะไรทั้งสิ้น ไม่ได้ทำร้ายคนที่ถูกโกรธ แต่ทำร้ายคนที่กำลังโกรธ ไม่มีความสุขเลยในขณะที่โกรธใคร แล้วทำไมยังโกรธ เพราะไม่รู้ ไม่รู้สักอย่างเดียวจนกว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะทรงแสดงธรรมโดยละเอียดอย่างยิ่ง เป็นที่พึ่งในสังสารวัฏฏ์

~ ไม่ประมาทเลย ฟังธรรมเท่าไหร่ รู้จักธรรมหรือยัง เพราะอะไร?เดี๋ยวนี้เป็นธรรมแต่ละหนึ่ง ได้ยินคำนี้ก็ค่อยๆ คลายความโศกเศร้า เพราะความโศกเศร้า ไม่ใช่เรา แต่มีจริง เป็นธรรม เพราะฉะนั้น ต้องมั่นคงในความเป็นธรรมจนกว่าจะหมดความเป็นอัตตาเป็นเราหรือว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด

~
ขณะใดเป็นอกุศลแม้เพียงเล็กน้อยก็สะสมเพิ่มขึ้น แล้วเมื่อไหร่จะหมด เพราะฉะนั้น ทุกโอกาสเมื่อได้ฟังพระธรรม วันสำคัญคือวันที่ได้เข้าใจพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง

~
ผู้ที่มั่นคงเห็นประโยชน์สูงสุดของพระธรรม ก็ไม่ละเว้นที่จะเข้าใจขึ้น โดยการฟังเมื่อมีโอกาส

~ คนดีไม่ต้องมีใครแต่งตั้ง ใช่ไหม? แต่ความดีนั่นแหละเป็นเกียรติ เป็นยศที่คนบูชานับถือ

~
ใครเห็นโทษของกิเลสหรืออะไรเห็นโทษของกิเลส? ก็ต้องปัญญา คำตอบอยู่ที่ว่าต้องเจริญปัญญาขึ้น เมื่อปัญญาเพิ่มขึ้นย่อมเห็นโทษของกิเลส แต่ถ้าปัญญายังไม่เกิด จะบอกว่าเห็นโทษของกิเลสก็ยาก

~ ความชรา ก็ดี หรือโรคภัยต่างๆ ก็ดี ไม่ใช่ว่าทรัพย์จะเป็นสิ่งที่ป้องกันได้ แต่ความเป็นผู้มีปัญญาซึ่งอบรมเจริญการรู้แจ้งในลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏ สามารถทำให้ถึงที่สุด คือ ที่สุดของการท่องเที่ยวไปในครรภ์และในปรโลกได้

~ ต้องอดทนที่จะฟังพระธรรม เข้าใจพระธรรม และน้อมประพฤติปฏิบัติตามด้วย ข้อสำคัญที่สุดคือเมื่อเข้าใจแล้วน้อมประพฤติ ปฏิบัติตาม เป็นหนทางเดียวจริงๆ ถ้าเพียงแต่เข้าใจพระธรรม ไม่มีประโยชน์เลย แต่เมื่อเข้าใจแล้วและเห็นความยากของโสภณธรรม (ธรรมที่ดีงาม) ทั้งหลายที่จะเกิดขึ้นแต่ละขั้นๆ จะทำให้เป็นผู้ที่ไม่ละโอกาสที่จะทำกุศลทันที เพราะรู้ว่าถ้าพลาดโอกาสนั้น อกุศลก็เกิดอีก

~
ถ้าสามารถจะทำกุศลได้เร็วเท่าไร ก็ยิ่งดีเท่านั้น เพราะว่า ชีวิตแต่ละภพแต่ละชาติสั้นมาก ไม่ทราบว่าชาติหน้าจะมาถึงเร็วหรือช้า จะเกิดที่ไหน เป็นบุคคลใดและจะมีโอกาสได้ฟังพระธรรม ได้เจริญกุศลอีกไหม ดังนั้น เมื่อมีโอกาสที่จะเจริญกุศลได้ก็ควรกระทำโดยเร็วหรือโดยทันที

~
สำหรับอภัยทาน ไม่ต้องมีวัตถุไทยธรรมที่จะให้ แต่ควรพิจารณาว่าจะยากกว่าการสละวัตถุทานหรือเปล่า เพราะว่าเป็นการสละความเห็นแก่ตัวความรักตัว ในการที่ไม่อภัยในความผิดของคนอื่น หรือในความบกพร่องของคนอื่น

~
ขณะที่ไม่อภัยให้บุคคลอื่น ขณะนั้นพิจารณาดูว่าเพราะรักตัวเองหรือเปล่า จึงทำให้ไม่สามารถอภัยในความผิดหรือในความบกพร่องของคนอื่นได้ ซึ่งลึกลงไปจริงๆ เป็นเพราะความรักตัว ความยึดมั่นในตัวตนหรือเปล่า

*** ~ ถ้าใครก็ตามมาขอโทษโดยไม่รู้ว่าทำผิดอะไร ไม่เป็นประโยชน์เลย เพราะไม่มีทางที่เขาจะสำนึก แต่ถ้าถามเขาว่าทำผิดอะไร นั่นเป็นหนทางที่เขาจะสำนึก รู้โทษจริงๆ จึงขอโทษ ไม่ใช่ขอโทษแต่บอกว่าไม่รู้ว่าทำผิดอะไร นั่นไม่ใช่การขอโทษ นั่นเป็นมุสา (เท็จ) เพราะไม่รู้โทษแล้วมาขอโทษ***



ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗๐๓



... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
jaturong
วันที่ 16 ก.พ. 2568

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
มังกรทอง
วันที่ 16 ก.พ. 2568

น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
มังกรทอง
วันที่ 16 ก.พ. 2568

สนทนาธรรมเกิดขึ้น กุศลมี ฟังธรรมะในดิถี ถูกต้อง อาจารย์สุจินต์ศรี เป็นหลัก จิตเจตสิกรูปสอดคล้อง มั่นแฟ้นคำจริง

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
swanjariya
วันที่ 16 ก.พ. 2568

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Jans
วันที่ 16 ก.พ. 2568

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 17 ก.พ. 2568

กราบบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ