ถอนตัณหาอันมีอวิชชาเป็นมูล [จตุจักกสูตร]
[เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 145
๙. จตุจักกสูตร
[๗๔] เทวดากล่าวว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้มีความเพียรมาก สรีระมีจักร ๔ มีทวาร ๙ เต็มด้วยของไม่สะอาด ประกอบด้วยโลภะ ย่อมเป็นดังว่าเปือกตม ความออกไป (จากทุกข์) จักมีได้อย่างไร.
[๗๕] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
ตัดความผูกโกรธด้วย กิเลสเป็นเครื่องร้อยรัดด้วย ความปรารถนาและความโลภอันลามกด้วย ถอนตัณหาอันมีอวิชชาเป็นมูลเสียแล้วอย่างนี้ ความออกไป (จากทุกข์) จึงจักมีได้.
อรรถกถาจตุจักกสูตร
พึงทราบวินิจฉัยในจตุจักกสูตรที่ ๙ ต่อไป :-
บทว่า จตุจกฺกํ แปลว่า มีจักร ๔ ได้แก่ อิริยาบถ ๔ เพราะในที่นี้อิริยาบถท่านเรียกว่าจักร.
บทว่า นวทฺวารํ แปลว่า ทวาร ๙ ได้แก่ ทวาร ๙ ซึ่งมีปากแผล ๙ แห่ง.
บทว่า ปุณฺณํ แปลว่า มีอสุจิเต็มแล้ว คือ เต็มไปด้วยของไม่สะอาด.
บทว่า โลเภน สํยุตฺตํ แปลว่า ประกอบด้วยโลภะ คือว่าสัมปยุตด้วยตัณหา.
บทว่า กถํ ยาตฺรา ภวิสฺสติ นี้เทวดาย่อมทูลถามว่า การออกไป (จากทุกข์) แห่งสรีระนี้ เห็นปานนี้ จักมีได้อย่างไร คือว่า ความพ้น ความพ้นรอบ ความก้าวล่วง อย่างดี จักมีได้อย่างไร ดังนี้.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า
เฉตฺวา นทฺธิํ วรตฺตญฺจ อิจฺฉาโลภญฺจ ปาปกํ สมูลํ ตณฺหํ อพฺพุยฺห เอวํ ยาตฺรา ภวิสฺสติ
ตัดความผูกโกรธด้วย กิเลสเป็นเครื่องร้อยรัดด้วย ความปรารถนาและความโลภอันลามกด้วย ถอนตัณหาอันมีอวิชชาเป็นมูลเสียแล้วอย่างนี้ ความออกไป (จากทุกข์) จึงมีได้.