English-Thai-Hindi 22 February 2025
English-Thai-Hindi 22 February 2025
- (คุณอาคิ่ล - สมาธิสำคัญอย่างไร ทำไมมีแต่คนพูดถึงสมาธิ) พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่าอย่างไร คนอื่นจะพูดอะไรไม่สำคัญแต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่าอย่างไร จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องมีความเคารพสูงสุดเพื่อเข้าใจสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ถูกต้องไหม ไม่ใช่แค่อยากเข้าใจสมาธิและฟังเพียงคำแปลหรือความหมายของคำว่าสมาธิ นั่นไม่ใช่ความเข้าใจพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย เริ่มที่จะเข้าใจความจริงทีละเล็กทีละน้อยมากๆ
- ศึกษาธรรมไม่ใช่การศึกษาตำราแต่เป็นการเข้าใจพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มิฉะนั้นจะไม่มีความเข้าใจสิ่งที่กำลังมีแต่ละขณะในชีวิตแต่ละชาติในหลายแสนโกฏกัปป์ได้เลย เพราะฉะนั้นจะมีความเข้าใจพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อย่างไร คือฟังสิ่งที่พระองค์ตรัสถึงความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้รวมถึงสมาธิด้วย ไม่ใช่แค่คำว่า สมาธิ ฯลฯ แต่ไม่เข้าใจว่า แม้สมาธิก็เป็นธรรมเป็นอนัตตา
- เพราะฉะนั้นสิ่งที่เรากำลังสนทนาไม่ใช่อยู่ในตำราแต่จากความเข้าใจในสิ่งที่มีตามเหตุตามปัจจัยที่ได้สะสมมาหลายแสนโกฏกัปป์ ด้วยเหตุนี้ใครรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบ้าง เริ่มที่จะมั่นคงในพระคุณธรรมของพระองค์ เพราะฉะนั้นเราจะศึกษาสิ่งที่พระองค์ตรัสที่ลึกซึ้งด้วยความละเอียดด้วยความเคารพอย่างยิ่ง
- เพราะฉะนั้นมีความเข้าใจในพระคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแค่ไหน ต้องตรง (คุณอาช่า - น้อยมาก) ด้วยเหตุนี้สิ่งที่เรากำลังสนทนากันเป็นความจริง ไม่ต้องใช้คำใดๆ เช่น สมาธิ ฯลฯ แต่ต้องเข้าใจสิ่งที่กำลังมีทีละเล็กทีละน้อย เพราะฉะนั้นขณะใดที่ได้ยินคำว่า สมาธิ ไม่สงสัยแต่ไม่ใช่แค่พูดถึงคำ แค่พูดถึงความหมาย พยายามที่จะไปเข้าใจแต่ไม่ได้มีความเข้าใจในความจริงว่า จริงๆ แล้วไม่มีเรามีแต่เพียงสภาพธรรมต่างๆ ที่ละเอียดลึกซึ้ง
- การเข้าใจความจริงต้องตรงต่อความจริง เดี๋ยวนี้มีอะไรไหม เห็นไหม เราไม่ได้พูดถึงคำแต่เราพูดถึงความจริงแล้วเราสามารถที่จะเข้าใจคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงถึงสิ่งนั้น (คุณอาช่า - ขณะนี้มีเสียง) มีได้ยินไหม (ไม่มี) ไม่มีได้ยินมีแต่เสียงเท่านั้น เป็นไปได้หรือ (คุณอาช่า - เป็นไปไม่ได้ มีทั้งเสียงมีทั้งได้ยินแต่เป็นธรรมที่ต่างกัน) ด้วยเหตุนี้เริ่มที่จะเข้าใจความลึกซึ้งของสภาพรรมที่ต่างกัน มีเสียงแต่ถ้าไม่มีสภาพที่รู้เสียง เสียงจะปรากฏได้ไหม
- ด้วยเหตุนี้การสนทนาธรรมจึงเป็นมงคล เพราะเหตุว่า เป็นปัจจัยให้เกิดความเข้าใจความจริงของคำที่เราได้ฟัง เพราะฉะนั้นจากนี้ไปเป็นการพิจารณาของตนเองเพื่อเข้าใจความจริงของคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เช่น สมาธิเป็นเพียงคำแต่ต้องมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งถึงจะเข้าใจสิ่งนี้ได้ มีสมาธิไหม (คุณอาช่า - มีสมาธิแต่ไม่มีความเข้าใจสมาธิ) ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีความเข้าใจสมาธิมีแต่คิดเท่านั้นว่า มีสมาธิ แต่ไม่มีความเข้าใจในสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง
- สมาธิเป็นธรรมไหม (เป็น) เป็นธรรมประเภทไหน (เจตสิก) ขณะที่จิตเกิดขึ้นจิตเกิดเดี่ยวๆ ได้ไหม (ไม่ได้) เพราะฉะนั้นต้องศึกษาสิ่งที่มีเพื่อที่จะเข้าใจความจริงของแต่ละเจตสิก โลกของความไม่รู้คือ ขณะที่เห็นแต่ไม่รู้ว่าเห็นคืออะไร ไม่มีความเข้าใจว่าสิ่งที่ถูกเห็นคืออะไร จนกว่าจะถึงขณะที่ได้เริ่มฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อที่จะเข้าใจความจริงชัดเจนขึ้นๆ จนกระทั่งไม่สงสัยในสิ่งนั้น
- เพราะฉะนั้นจิตเกิดตามลำพังได้ไหม ถ้าไม่เข้าใจแม้เพียงคำเดียวจะมีขณะที่รู้คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไหม และทำไมเราถึงกล่าวคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาโดยตลอด เพราะว่าพระธรรมคำสอนเกินกว่าที่ใครจะคิดได้ด้วยตนเอง
- เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเรียนคำกี่แสนคำในหนังสือ ไม่ว่าจะในคัมภีร์นี้หรือคัมภีร์นั้น ทั้งหมดเพื่อเข้าใจความจริงขณะนี้ ด้วยเหตุนี้เมื่อมีความเข้าใจในสิ่งที่กำลังมีเพิ่มขึ้นแม้เล็กน้อยก็สามารถที่จะเข้าใจคำไหนก็ได้ในตำราทุกเล่มว่า กล่าวถึงอะไร
- เพราะฉะนั้นเมื่อมีความเข้าใจในสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ สามารถที่จะมีความเข้าใจในสิ่งที่จะมีในอนาคตเพราะว่าไม่มีใครสามารถที่จะเปลี่ยนลักษณะของสภาพธรรมได้ เพราะฉะนั้นเดี๋ยวนี้สามารถที่จะเข้าใจสมาธิได้ไหม ถ้าไม่มีความเข้าใจสมาธิเดี๋ยวนี้ ก็ไม่มีวันที่จะเข้าใจสมาธิในระดับอื่นๆ ได้เลย เพราะฉะนั้นเป็นการพิจารณาของแต่ละคน เป็นการไตร่ตรองของตนเอง
- ขณะใดเป็นขณะที่ดีที่สุดในชีวิต คือ ขณะที่เข้าใจความจริงของสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงถึงสภาพธรรมทุกประการ ถ้าปราศจากการไตร่ตรองพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบในสภาพธรรมแต่ละหนึ่งจะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและเคารพพระองค์ด้วยความตรงและจริงใจไหม
- เพราะฉะนั้นเดี๋ยวนี้มีสมาธิไหม (อาช่า - มีสมาธิแต่ไม่มีความเข้าใจ) ด้วยเหตุนี้สมาธิเกิดกับจิตทุกดวงไหม (เกิด) มีอะไรที่เกิดกับจิตบ้างขณะนี้ ทีละหนึ่ง เดี๋ยวนี้มีสมาธิใช่ไหม มีอะไรแค่หนึ่งอย่าง (คุณอาช่า - เอกัคคตา ชีวิตินทริยะ) แค่อย่างเดียวทีละหนึ่ง มีสมาธิเกิดกับจิตเดี๋ยวนี้ไหม (ชีวิตินทริยะ)
- ชีวิตินทริยะกับเอกัคคตาต่างกันตรงไหน (อาช่า - สมาธิคือทำหน้าที่ตั้งมั่นในอารมณ์ ชีวิตินทริย์ทำหน้าที่อนุบาลรักษาสภาพธรรมสที่เกิดร่วมด้วยให้มีชีวิต) ของสิ่งที่มีชีวิต เพราะฉะนั้นจิตเกิดโดยไม่มีชีวิตินทรีย์ได้ไหม (ไม่ได้) จิตเกิดโดยไม่มีเอกัคคตาได้ไหม (ไม่ได้) ด้วยเหตุนี้เริ่มเข้าใจเอกัคคตาว่าคืออะไร เพราะฉะนั้นตัวเอกัคคตาคือ สมาธิ เมื่อปรากฏทำให้จิตจดจ่อในอารมณ์ ในชีวิตประจำวันสภาพธรรมทุกอย่างสามารถค่อยๆ รู้ ค่อยๆ ศึกษาเพื่อที่จะเข้าใจ ไม่ใช่อยู่ในหนังสือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงสิ่งที่กำลังมีที่ยึดถือว่าเป็นคน เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด แต่ความจริงเป็นสภาพธรรมที่แตกต่างกันหลากหลาย
- เพราะฉะนั้นเดี๋ยวนี้มีข้อสงสัยในเอกัคคตาสมาธิไหม เอกัคคตาเกิดกับโลภะได้ไหม (ได้) เกิดกับโทสะได้ไหม (ได้) เกิดกับมานะได้ไหม (ได้) เกิดกับโลกุตตรจิตได้ไหม (ได้) ไม่มีข้อสงสัยในเอกกัคคตาถูกต้องไหม สงสัยอะไรไหม เพราะว่าเอกัคคตาเกิดกับจิตต่างๆ กัน ด้วยเหตุนี้เอกัคคตาทำหน้าที่ต่างกัน เมื่อเกิดกับปัญญาเป็นเอกัคคตาระดับไหน เพราะฉะนั้นเป็นระดับที่เข้าใจในขั้นฟัง หรือระดับที่รู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เอกัคคตาต่างกันตามจิตและเจตสิกที่เกิดร่วมด้วยที่แตกต่างกัน
- เอกัคคตาเป็นโลกุตตระไหม (เมื่อเกิดกับโลกุตตรจิตก็เป็นโลกุตตรด้วย) ใช่ ด้วยเหตุนี้จิตและเจตสิกเกิดพร้อมกันในแต่ละขณะ เมื่อจิตเป็นโลกุตตรแล้วเจตสิกที่เกิดร่วมด้วยจะไม่เป็นโลกุตตรได้อย่างไร ในเมื่อรู้อารมณ์เดียวกันถ้าไม่ใช่ระดับโลกุตตรก็ไม่สามารถรู้นิพพานได้
- เอกัคคตาเป็นเอกัคคตา ไม่มีใครสามารถที่จะเปลี่ยนลักษณะได้เพื่อที่จะเข้าใจว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ต้องเข้าใจแต่ละธรรมตามความเป็นจริงเปลี่ยนไม่ได้ แต่ด้วยระดับที่ต่างกันเมื่อเกิดขึ้นกับจิตประเภทใด โลกิยะหรือโลกุตตร ไม่สงสัยแล้วใช่ไหม (ใช่)
- เพราะฉะนั้นสัมมาสมาธิคืออะไร สัมมาสมาธิเป็นธรรมอะไร (คุณอาคิล - เมื่อเอกัคคตาเจตสิกเกิดกับกุศลจิตเป็นสัมมาสมาธิ) โดยไม่มีความเข้าใจหรือ (คุณอาคิ่ล - ไม่ใช่ ต้องมีความเข้าใจด้วย) ด้วยเหตุนี้เราต้องเข้าใจความต่างของแต่ละคำที่แสดงถึงแต่ละระดับของเอกัคคตา แต่เอกัคคตาต้องเป็นเอกัคคตาไม่ว่าจะใช้คำไหน เปลี่ยนลักษณะของเอกัคคตาไม่ได้
- แต่อารมณ์ที่ต่างกันทำให้เกิดปัญญาที่ต่างระดับ ใช้คำเรียกต่างกัน เพราะว่าไม่สามารถเหมือนกันได้ เช่น เอกัคคตาที่เกิดกับอกุศล เอกัคคตาที่เกิดกับกุศล เอกัคคตาที่เกิดกับกุศลที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา และเอกกัคคตาที่เกิดกับปัญญาที่ต่างระดับกันไปจนถึงขั้นที่ตรัสรู้ เปลี่ยนลักษณะไม่ได้แต่ระดับขั้นต่างกัน เกิดกับกุศลจะเป็นอกุศลไม่ได้ เกิดกับกุศลที่ประกอบด้วยปัญญาไม่สามารถเป็นเอกัคคตาที่มีปัญญาได้ แต่เมื่อเกิดกับปัญญาที่ต่างระดับกันจึงมีคำเรียกต่างกัน สมาธินทรีย์ สมาธิพละ เป็นต้น
- (คุณสุคิน - คุณอาคิ่ลมีอีกคำที่เกี่ยวกับสมาธิ คือ สมถ) มีเจตสิกทั้งหมดเท่าไหร่ (คุณอาคิ่ล - ๕๒) เจตสิกไหนเป็นสมถ (เอกัคคตา) ไม่ ไม่ใช่เลย เอกัคคตาไม่สามารถเปลี่ยนลักษณะไม่สามารถเปลี่ยนกิจหน้าที่ได้ ต้องจดจ่อตั้งมั่นในอารมณ์เท่านั้นไม่สามารถที่จะสงบได้ มิฉะนั้นเป็นอกุศลไม่ได้ แต่ลักษณะของเอกัคตาคือตั้งมั่นในอารมณ์เท่านั้น และนี้เป็นหนทางเดียวเท่านั้นที่จะเข้าใจว่า ใครเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยความเคารพสูงสุดในพระคุณของพระองค์ ถ้าไม่มีพระองค์จะมีความเข้าใจในความต่างระหว่างเอกัคคตากับสมถไหม
- หนทางเดียวที่จะเข้าใจคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ ตรงต่อความจริง ควรศึกษาแต่ละคำด้วยความละเอียดรอบคอบซึ่งจะค่อยๆ ช่วยให้แต่ละคนพ้นจากความไม่รู้พ้นจากอกุศลทุกประการ ด้วยเหตุนี้การสนทนาธรรมจึงเป็นมงคลเพราะช่วยคลายความสงสัยที่มี คลายความไม่รู้และอกุศลที่มี เช่น มานะ โลภะหรือโทสะ สามารถรู้ได้ มิฉะนั้นละไม่ได้ เพราะไม่มีใครเห็นโทษ
- เพราะฉะนั้น เคารพพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสูงสุดเมื่อเข้าใจคำของพระองค์ เป็นขณะที่มีค่าที่สุดเหนือกว่าทรัพย์สินเงินทอง เกียรติยศชื่อเสียงใดๆ เพราะฉะนั้นคำของพระองค์ไม่ใช่แค่เพียงศึกษาแต่ประพฤติตามทีละเล็กทีละน้อย เพื่อที่จะเห็นโทษของอกุศลที่ได้สะสมมามากมายในสังสารวัฏฏ์ มิฉะนั้น อกุศลก็จะเพิ่มขึ้นๆ ยิ่งจมลึกลงไปในความไม่รู้ที่มืดมิด
- (คุณสุคิน - เพื่อทบทวนความเข้าใจที่ว่า ไม่ใช่แค่ฟังแต่ประพฤติตามหมายความว่า หลังจากที่ได้ฟังมีการไตร่ตรองพิจารณาคำที่ได้ยินได้ฟัง) และความเข้าใจถูก ปัญญา เห็นโทษของอกุศลทุกประการนั่นคือหนทางละ ถ้าไม่เห็นภัยของอกุศลที่มีต่อๆ ไปเพิ่มขึ้นๆ
- ชีวิตแสนสั้นจะตายเย็นนี้หรือพรุ่งนี้ก็ได้ แต่สิ่งกำลังที่มี มีการละความไม่รู้ละอกุศลธรรมที่ได้สะสมมามากมายลงบ้างไหม สามารถช่วยใครให้อกุศลน้อยลงได้ไหม
- (คุณอาคิ่ล - เป็นไปไม่ได้) (คุณสุคิน - ท่านอาจารย์กำลังช่วยให้เข้าใจอยู่หรือเปล่า) (คุณอาคิ่ล - นี้เป็นหนทางเดียว) เพราะฉะนั้นต้องตรงต่อความจริง เพราะฉะนั้นความเข้าใจเท่านั้นที่สามารถเข้าใจว่าอะไรเป็นกุศล อะไรเป็นอกุศล แม้กุศลเพียงไม่กี่ขณะก็มีค่ามากกว่าอกุศลแม้เล็กน้อย
- มีข้อสงสัยในเอกัคคตาไหม เดี๋ยวนี้มีเอกัคคตาไหม (คุณอาช่า - มีเอกัคคตาและไม่มีความสงสัย) ขณะที่หลับสนิทมีเอกัคคตาไหม (มี) ขณะที่เจ็บมีเอกัคคตาไหม (มี) ขณะที่เข้าใจมีเอกัคคตาไหม (มี) เอกัคคตาสามารถเข้าใจได้ไหม (ไม่ได้) ถูกต้อง นี้คือความมั่นคงในความจริงว่า ทั้งหมดเป็นธรรม เอกัคคตาเป็นธรรม ไม่มีใครเลยทั้งสิ้น ทันทีที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไม่กลับมาเกิดอีกเลย ชีวิตเป็นเช่นนี้
- เพราะฉะนั้นสิ่งที่มีค่าที่สุด ที่สำคัญที่สุดคือ ความเข้าใจถูกในสิ่งที่มีรวมทั้งเอกัคคตาด้วย ถูกต้องไหม เพราะฉะนั้นมีคำถามไหม อยากให้ผู้อื่นเข้าใจคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไหม สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของแต่ละคนในแต่ชาติ เพราะฉะนั้นก่อนที่จะช่วยคนอื่น เราต้องช่วยให้ไม่มีความไม่รู้ทีละเล็กทีละน้อยจากการฟังแล้วฟังอีก ไตร่ตรองแล้วไตร่ตองอีก พิจารณาความจริงไม่ใช่ใครเลยเพราะมีการสะสมมากมากมายจากชาติหนึ่งสู่ชาติหนึ่งแม้เดี๋ยวนี้ เป็นเราตลอดเวลา
- เดี๋ยวนี้อกุศลอะไร ระดับไหนในขณะที่เห็น มีเห็น มีความเข้าใจไหม เมื่อไม่มีความเข้าใจ ก็ไม่สามารถเป็นกุศลได้ เพราะฉะนั้นอกุศลประเภทไหนหลังเห็น ขณะที่เรากำลังสนทนามีเห็นเกิดขึ้นมากมาย มีอกุศลประเภทไหน ไม่มีความเข้าใจถูกในเห็นที่มีกำลังมีขณะนี้ มีเห็นขณะที่กำลังสนทนา ขณะที่กำลังทำสิ่งใด ไม่มีกุศเลยหลังเห็น ไม่มีความเข้าใจถูก ไม่เป็นไปในทาน ไม่เป็นไปในศีล เพราะฉะนั้นเป็นกิเลสประเภทไหน เป็นอกุศลอะไรหลังเห็นดับไปมีอะไร ละเอียดลึกซึ้งมากเป็นอันตรายที่ไม่เข้าใจความจริง มีเห็นตลอดเวลาทั้งวัน ตลอดวันที่เห็นไม่มีความเข้าใจแต่ต้องมีอกุศล
- หลังเห็น อกุศลระดับไหน ขณะที่กำลังสนทนามีความติดข้องในเห็นไหม (คุณอาช่า - มีความติดข้อง) ใครรู้บ้างว่ามีความติดข้องในเห็นขณะที่กำลังสนทนาหรือกำลังทำอะไร (ตอนที่ตอบว่ามีความติดข้องจริงๆ แล้วก็ไม่รู้) แต่จะรู้เมื่อสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง
- กำลังนอนหลับมีกิเลสไหม (มี) กิเลสประเภทไหน ระดับไหน (มีอนุสัยกิเลส) ทำไมเป็นอนุสัย (เพราะอนุสัยมองไม่เห็น) มองไม่เห็นเพราะอะไร (เพราะไม่เกิด) แล้วขณะนั้นมีเอกัคคตาไหม (มี) เอกัคคตาเป็นอนุสัยไหม (ไม่) ดีมากเก่งมาก ต้องไม่ลืมเปลี่ยนไม่ได้
- มีความสงบไหม (ไม่มี) ปฏิสนธิจิตเป็นกุศลวิบากหรืออกุศลวิบาก (เป็นกุศลวิบาก) ถ้าเป็นกุศลวิบากสงบไหม (สงบ) เท่านี้ไม่พอต้องชัดเจนเป็นเจตสิกอะไรที่สงบ (เดาว่าเป็นปีติ) ศึกษาธรรมเดาได้ไหม ถ้าเดาไม่เคารพพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าไม่ตรงไม่สามารถละกิเลสได้ ถ้าไม่ตรงไม่สามารถจะเข้าใจคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ เพราะฉะนั้นไปศึกษาเจตสิกทั้งหมด ๕๒ ประเภท
- ปฏิสนธิจิตของแมวสงบไหม (ไม่) เพราะอะไร (เพราะปฏิสนธิจิตของแมวเป็นอกุศลวิบาก) ดีมาก เก่งมาก ตรงมาก คุณอาช่าตายแล้วเกิดเป็นสุนัขได้ไหม (ได้) ต้องไม่ประมาท เกิดเป็นคุณอาช่า เกิดเป็นคุณอาคิ่ลมีประโยชน์สูงสุดเมื่อได้ฟังธรรมแล้วเข้าใจ
- มีเงินมหาศาลมีเกียรติยศมากมายไม่เข้าใจธรรม ดีไหม เพราะฉะนั้นอะไรมีค่าสูงสุดกว่าทรัพย์สินเงินทองเกียรติยศทั้งหมดในสากลจักรวาล (เข้าใจธรรม) เพราะฉะนั้นต่อไปนี้เขาเริ่มรู้จักตัวเองเพราะได้ฟังคำของพระพุทธเจ้า รู้จักตัวเองกับรู้จักคุณสุคินอะไรมีประโยชน์ (รู้จักตนเอง) รู้จักคุณสุคินได้ไหม (ไม่ได้) ถูกต้อง เพราะฉะนั้นรู้จักตัวเองดีที่สุด
- ถ้ารู้จักตัวเองแล้ว คุณอาช่าคุณอาคิ่ลบอกได้ไหมว่า ตัวเองมีอะไรสะสมมาบ้าง (ถ้าเข้าใจตัวเองก็รู้การสะสมของตัวเอง) ไม่ได้ถามอย่างนั้น ไม่มีคำว่า “ถ้า” ในพระพุทธศาสนา เพราะฉะนั้นถามว่า เขารู้จักตัวเองหรือยัง (เริ่มรู้) มีอะไรบ้าง (มีโลภะ โทสะ อิสสา ความไม่รู้ อกุศลต่างๆ) อยากจะละให้หมดไหม (เป็นธรรมดาที่ทุกคนอยากจะละให้หมดแต่ได้หรือไม่ได้เป็นอีกเรื่อง) ทำไมไม่ได้ (แล้วแต่ปัจจัย) ปัจจัยอะไร (เมื่อมีความเข้าใจเพิ่ม) ใครละ (ไม่มีใครมีแต่ธรรม) ธรรมอะไรละ (ความเข้าใจ) เท่านั้นอย่างอื่นละไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้าไม่เข้าใจธรรม ไม่มีใครละกิเลสได้
- เพราะฉะนั้น คนที่เห็นโทษของกิเลส จะละโทษของกิเลสต่อเมื่อมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ถ้ารู้ว่าคนอื่นไม่ดี คิดอย่างไร (คิดชี้นิ้วใส่เขาว่าเป็นคนไม่ดี) ทำอย่างนั้นหรือ เป็นกุศลหรือเปล่า (เป็นอกุศล) ดิฉันรู้ว่า คุณอาคิ่ลคุณอาช่าไม่ดี ดิฉันเป็นเพื่อน หวังดี รู้ว่าหนทางเดียวที่จะทำให้ทุกคนไม่ใช่เฉพาะคุณอาคิ่ลคุณอาช่าเท่านั้นที่ไม่ดี รู้ความจริงและรู้ประโยชน์ของการที่จะเห็นโทษ ดิฉันจะอดทนอธิบายธรรมให้ทุกคนได้เข้าใจเพื่อเขาจะได้สามารถรู้ว่า อะไรถูกอะไรผิด
- (คุณอาคิ่ล - เป็นไปไม่ได้) (คุณสุคิน - ท่านอาจารย์กำลังช่วยให้เข้าใจอยู่หรือเปล่า) (คุณอาคิ่ล - นี้เป็นหนทางเดียว) เพราะฉะนั้นต้องตรงต่อความจริง เพราะฉะนั้นความเข้าใจเท่านั้นที่สามารถเข้าใจว่าอะไรเป็นกุศล อะไรเป็นอกุศล แม้กุศลเพียงไม่กี่ขณะก็มีค่ามากกว่าอกุศลแม้เล็กน้อย
- มีข้อสงสัยในเอกัคคตาไหม เดี๋ยวนี้มีเอกัคคตาไหม (คุณอาช่า - มีเอกัคคตาและไม่มีความสงสัย) ขณะที่หลับสนิทมีเอกัคคตาไหม (มี) ขณะที่เจ็บมีเอกัคคตาไหม (มี) ขณะที่เข้าใจมีเอกัคคตาไหม (มี) เอกัคคตาสามารถเข้าใจได้ไหม (ไม่ได้) ถูกต้อง นี้คือความมั่นคงในความจริงว่า ทั้งหมดเป็นธรรม เอกัคคตาเป็นธรรม ไม่มีใครเลยทั้งสิ้น ทันทีที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไม่กลับมาเกิดอีกเลย ชีวิตเป็นเช่นนี้
- เพราะฉะนั้นสิ่งที่มีค่าที่สุด ที่สำคัญที่สุดคือ ความเข้าใจถูกในสิ่งที่มีรวมทั้งเอกัคคตาด้วย ถูกต้องไหม เพราะฉะนั้นมีคำถามไหม อยากให้ผู้อื่นเข้าใจคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไหม สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของแต่ละคนในแต่ชาติ เพราะฉะนั้นก่อนที่จะช่วยคนอื่น เราต้องช่วยให้ไม่มีความไม่รู้ทีละเล็กทีละน้อยจากการฟังแล้วฟังอีก ไตร่ตรองแล้วไตร่ตองอีก พิจารณาความจริงไม่ใช่ใครเลยเพราะมีการสะสมมากมากมายจากชาติหนึ่งสู่ชาติหนึ่งแม้เดี๋ยวนี้ เป็นเราตลอดเวลา
- เดี๋ยวนี้อกุศลอะไร ระดับไหนในขณะที่เห็น มีเห็น มีความเข้าใจไหม เมื่อไม่มีความเข้าใจ ก็ไม่สามารถเป็นกุศลได้ เพราะฉะนั้นอกุศลประเภทไหนหลังเห็น ขณะที่เรากำลังสนทนามีเห็นเกิดขึ้นมากมาย มีอกุศลประเภทไหน ไม่มีความเข้าใจถูกในเห็นที่มีกำลังมีขณะนี้ มีเห็นขณะที่กำลังสนทนา ขณะที่กำลังทำสิ่งใด ไม่มีกุศเลยหลังเห็น ไม่มีความเข้าใจถูก ไม่เป็นไปในทาน ไม่เป็นไปในศีล เพราะฉะนั้นเป็นกิเลสประเภทไหน เป็นอกุศลอะไรหลังเห็นดับไปมีอะไร ละเอียดลึกซึ้งมากเป็นอันตรายที่ไม่เข้าใจความจริง มีเห็นตลอดเวลาทั้งวัน ตลอดวันที่เห็นไม่มีความเข้าใจแต่ต้องมีอกุศล
- หลังเห็น อกุศลระดับไหน ขณะที่กำลังสนทนามีความติดข้องในเห็นไหม (คุณอาช่า - มีความติดข้อง) ใครรู้บ้างว่ามีความติดข้องในเห็นขณะที่กำลังสนทนาหรือกำลังทำอะไร (ตอนที่ตอบว่ามีความติดข้องจริงๆ แล้วก็ไม่รู้) แต่จะรู้เมื่อสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง
- กำลังนอนหลับมีกิเลสไหม (มี) กิเลสประเภทไหน ระดับไหน (มีอนุสัยกิเลส) ทำไมเป็นอนุสัย (เพราะอนุสัยมองไม่เห็น) มองไม่เห็นเพราะอะไร (เพราะไม่เกิด) แล้วขณะนั้นมีเอกัคคตาไหม (มี) เอกัคคตาเป็นอนุสัยไหม (ไม่) ดีมากเก่งมาก ต้องไม่ลืมเปลี่ยนไม่ได้
- มีความสงบไหม (ไม่มี) ปฏิสนธิจิตเป็นกุศลวิบากหรืออกุศลวิบาก (เป็นกุศลวิบาก) ถ้าเป็นกุศลวิบากสงบไหม (สงบ) เท่านี้ไม่พอต้องชัดเจนเป็นเจตสิกอะไรที่สงบ (เดาว่าเป็นปีติ) ศึกษาธรรมเดาได้ไหม ถ้าเดาไม่เคารพพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าไม่ตรงไม่สามารถละกิเลสได้ ถ้าไม่ตรงไม่สามารถจะเข้าใจคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ เพราะฉะนั้นไปศึกษาเจตสิกทั้งหมด ๕๒ ประเภท
- ปฏิสนธิจิตของแมวสงบไหม (ไม่) เพราะอะไร (เพราะปฏิสนธิจิตของแมวเป็นอกุศลวิบาก) ดีมาก เก่งมาก ตรงมาก คุณอาช่าตายแล้วเกิดเป็นสุนัขได้ไหม (ได้) ต้องไม่ประมาท เกิดเป็นคุณอาช่า เกิดเป็นคุณอาคิ่ลมีประโยชน์สูงสุดเมื่อได้ฟังธรรมแล้วเข้าใจ
- มีเงินมหาศาลมีเกียรติยศมากมายไม่เข้าใจธรรม ดีไหม เพราะฉะนั้นอะไรมีค่าสูงสุดกว่าทรัพย์สินเงินทองเกียรติยศทั้งหมดในสากลจักรวาล (เข้าใจธรรม) เพราะฉะนั้นต่อไปนี้เขาเริ่มรู้จักตัวเองเพราะได้ฟังคำของพระพุทธเจ้า รู้จักตัวเองกับรู้จักคุณสุคินอะไรมีประโยชน์ (รู้จักตนเอง) รู้จักคุณสุคินได้ไหม (ไม่ได้) ถูกต้อง เพราะฉะนั้นรู้จักตัวเองดีที่สุด
- ถ้ารู้จักตัวเองแล้ว คุณอาช่าคุณอาคิ่ลบอกได้ไหมว่า ตัวเองมีอะไรสะสมมาบ้าง (ถ้าเข้าใจตัวเองก็รู้การสะสมของตัวเอง) ไม่ได้ถามอย่างนั้น ไม่มีคำว่า “ถ้า” ในพระพุทธศาสนา เพราะฉะนั้นถามว่า เขารู้จักตัวเองหรือยัง (เริ่มรู้) มีอะไรบ้าง (มีโลภะ โทสะ อิสสา ความไม่รู้ อกุศลต่างๆ) อยากจะละให้หมดไหม (เป็นธรรมดาที่ทุกคนอยากจะละให้หมดแต่ได้หรือไม่ได้เป็นอีกเรื่อง) ทำไมไม่ได้ (แล้วแต่ปัจจัย) ปัจจัยอะไร (เมื่อมีความเข้าใจเพิ่ม) ใครละ (ไม่มีใครมีแต่ธรรม) ธรรมอะไรละ (ความเข้าใจ) เท่านั้นอย่างอื่นละไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้าไม่เข้าใจธรรม ไม่มีใครละกิเลสได้
- เพราะฉะนั้นคนที่เห็นโทษของกิเลส จะละโทษของกิเลสต่อเมื่อมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ถ้ารู้ว่าคนอื่นไม่ดี คิดอย่างไร (คิดชี้นิ้วใส่เขาว่าเป็นคนไม่ดี) ทำอย่างนั้นหรือ เป็นกุศลหรือเปล่า (เป็นอกุศล) ดิฉันรู้ว่า คุณอาคิ่ลคุณอาช่าไม่ดี ดิฉันเป็นเพื่อน หวังดี รู้ว่าหนทางเดียวที่จะทำให้ทุกคนไม่ใช่เฉพาะคุณอาคิ่ลคุณอาช่าเท่านั้นที่ไม่ดี รู้ความจริงและรู้ประโยชน์ของการที่จะเห็นโทษ ดิฉันจะอดทนอธิบายธรรมให้ทุกคนได้เข้าใจเพื่อเขาจะได้สามารถรู้ว่า อะไรถูกอะไรผิด
- ดิฉันทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับคนที่มีอกุศลหรือเปล่า เป็นประโยชน์ทั้งกับคนที่ทำไม่ดี ทั้งกับตัวดิฉันเองด้วยใช่ไหม เพราะฉะนั้นไม่ใช่เฉพาะคุณอาคิ่ลกับคุณอาช่าที่ไม่ดี ทุกคนไม่ดีเพราะยังมีกิเลส เพราะฉะนั้นถามทุกคน ดิฉันทำถูกไหม เป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่ายใช่ไหม เป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือเปล่า (เป็น) ดีมาก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า เมตตาไม่มีประมาณ พระองค์ทรงสอนให้พูดตามหรือให้ประพฤติตาม
- พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า เมตตาค้ำจุนโลก หมายความว่าอะไร เพราะฉะนั้นทุกคนเคารพพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยการประพฤติตามและศึกษาเพื่อที่จะได้เข้าใจธรรมที่จะประพฤติตามได้
- โลก โลกะคืออะไร (ธรรมที่มีเดี๋ยวนี้) โลกะหรือโลกคือสิ่งที่เกิดดับ เพราะฉะนั้นเอกัคคตาเป็นโลกหรือเปล่า (เป็น) ดีใจมากที่เขามีความเข้าใจที่มั่นคงไม่ใช่เพียงแต่ต้องการจะเข้าใจคำความหมายเท่านั้น
- ความเข้าใจความจริงของธรรมทีละเล็กทีละน้อยจะนำไปสู่การรู้ความจริงและเคารพในพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งขึ้น เมื่อสองพันห้าร้อยหกร้อยปีก่อนนั้นแผ่นดินนี้เป็นที่ๆ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้และทรงแสดงความจริงทั้งหมดที่เขาได้ฟัง ต้องไม่ลืมว่า คนทั้งโลกทั่วโลกทุกจักรวาลได้รับฟังคำของพระองค์ ณ ที่นี้ ดิฉันอาจจะเคยเกิดที่นั่นในขณะนั้นก็ได้ ใครจะรู้และได้ฟังคำของพระองค์ใครจะรู้ได้
- เพราะฉะนั้นการที่ได้ฟังคำของพระองค์และศึกษาด้วยความเคารพด้วยความเข้าใจและแผ่นดินนี้ก็จะมีคำของพระองค์ต่อไปอีก เป็นที่น่าปีติยินดีอย่างยิ่งที่แผ่นดินนี้จะยังคงมีความเข้าใจทุกคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสแล้ว แผ่นดินนี้เป็นที่มาของความเข้าใจถูกของคนทั้งจักรวาล แต่ถ้าไม่ศึกษาทุกคำด้วยความเคารพสูงสุดเป็นการทำลายคำสอนที่พระองค์ได้ทรงแสดงให้หมดไปมืดสนิท เพราะฉะนั้นหวังว่าทุกคนที่ได้เข้าใจธรรมจะดำรงคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ถ้าไม่เข้าใจคำของพระองค์สิ่งที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้ก็หมดไปจากแผ่นดินนี้และที่อื่น
- เพราะฉะนั้นจุดประสงค์ของการศึกษาคือเป็นผู้ที่เข้าใจพระธรรม เคารพพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสูงสุดและเคารพพระองค์ด้วยการศึกษาธรรมและให้คนอื่นได้เข้าใจธรรมด้วย
- พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้สิ่งที่กำลังมีทุกขณะ ถ้าเข้าใจความจริงเดี๋ยวนี้ เข้าใจคำที่พระองค์ได้ตรัสแล้วทั้งหมดทีละเล็กทีละน้อย เพราะฉะนั้นมีคำอื่นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เราควรจะศึกษาด้วยความเคารพไหมวันนี้
- (คุณอาคิ่ล - ถ้ามีคนโกหกท่านอาจารย์ซึ่งเป็นผู้มีคุณธรรมสูง ท่านอาจารย์สามารถรู้ได้ไหมว่า ปฏิสนธิของผู้นั้นประกอบด้วยปัญญาหรือไม่) จิตที่ปฏิสนธิดับแล้วใช่ไหม (ดับแล้ว) ปฏิสนธิจิตมี ๑ ขณะใช่ไหม (ใช่) สามารถจะรู้ความจริงของสิ่งที่ดับไปแล้วได้ไหม (ไม่ได้) เพราะฉะนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า (สิ่งที่เกิดแล้วก็ดับ ที่รู้ได้คือสิ่งที่ปรากฏ) สิ่งที่ปรากฏรู้ได้อย่างไร โดยวิธีไหนว่าอะไรปรากฏ (มีแต่ทีปรากฏที่รู้ได้)
- เพราะฉะนั้นต้องฟังต่อไป ฟังต่อไป ฟังต่อไปจนเป็นความเข้าใจที่ค่อยๆ ละความไม่รู้ ไม่ใช่ฟัง คิดว่าเข้าใจแล้วพอ เพราะฉะนั้นลืมหรือเปล่าว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า พระองค์ตรัสว่า สิ่งใดที่เกิดปรากฏ ปรากฏโดยนิมิต เพราะฉะนั้นอยู่ในโลกของนิมิตทุกชาติใช่ไหม เพราะฉะนั้นละความติดข้องในนิมิตไม่ได้ใช่ไหม
- เพราะฉะนั้นถ้าฟังแล้วฟังอีก ไตร่ตรองแล้วไตร่ตรองอีกจะทำให้ค่อยๆ รู้ความจริงที่ละเอียดลึกซึ้ง เพราะฉะนั้นนิมิตคืออะไร (คือสิ่งที่ปรากฏ แต่เพราะธรรมเกิดดับเร็วมาก ที่ปรากฏที่เกิดแล้วดับไปแล้ว ที่รู้ได้คือเป็นนิมิต) เพราะฉะนั้นเดี๋ยวนี้เป็นนิมิตของเห็นใช่ไหม เห็นคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไหม อยู่ในโลกของนิมิตมานานเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นดีที่เข้าใจนิมิตไม่ลืมว่าหมายความว่าอะไร
- เพียงรู้ว่า อยู่ในโลกของนิมิตยังไม่พอ จนกว่าไม่ลืมว่า เดี๋ยวนี้กำลังอยู่ในโลกของนิมิตตลอดชีวิตทุกชาติ เข้าใจอย่างนี้มีประโยชน์ไหม เริ่มเห็นโทษว่าอยู่ในโลกของความไม่รู้มานาน ออกไม่ได้ถ้าไม่มีความเข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
- เข้าใจความจริงทีละเล็กทีละน้อยชัดมั่นคง ดีกว่าเข้าใจคำมากๆ แล้วไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้คืออะไรใช่ไหม กิเลสมีมากไม่ต้องรีบร้อนเพราะกิเลสทำให้รีบร้อนที่จะคิดโน่นคิดนี่ คิดว่าจะต้องรู้คำนั้นคำนี้ เพราะฉะนั้นต้องไม่ลืมเลย เข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแค่ไหน ๔๕ พรรษาที่ทรงแสดง
- สำหรับวันนี้ก็ยินดีด้วยกับกุศลของทุกคนที่ไม่ลืมว่า เห็นกิเลสของตัวเองเท่านั้นที่เป็นประโยชน์ จริงไหม
เคารพพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสูงสุดเมื่อเข้าใจคำของพระองค์ เป็นขณะที่มีค่าที่สุดเหนือกว่าทรัพย์สินเงินทอง เกียรติยศชื่อเสียงใดๆ เพราะฉะนั้นคำของพระองค์ไม่ใช่แค่เพียงศึกษาแต่ประพฤติตามทีละเล็กทีละน้อย เพื่อที่จะเห็นโทษของอกุศลที่ได้สะสมมามากมายในสังสารวัฏฏ์ มิฉะนั้น อกุศลก็จะเพิ่มขึ้นๆ ยิ่งจมลึกลงไปในความไม่รู้ที่มืดมิด
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านที่ร่วมสนทนา
ขอบพระคุณและยินดีในกุศลวิริยะ (บารมีทุกประการ) ของพี่ตู่ ปริญญ์วุฒิ อย่างยิ่งที่แปลและถอดคำสนทนาของท่านอาจารย์ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ครับ