อวิชชา ผู้ยึดติด กล่าวถึงใคร ในพระไตรปิก
จิตรู้ เจตสิกเคลื่อนอารมณ์ รูปสภาพไม่รู้ แล้ว อวิชชา ผู้ยึดติด กล่าวถึงใคร
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ควรที่จะได้เข้าใจตั้งแต่ต้นว่า
จิต เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์ ทุกขณะไม่เคยขาดจิตเลย จิตเกิดดับทีละขณะๆ จะไม่มีจิตเกิดพร้อมกัน ๒ - ๓ ขณะ ตัวอย่างของจิต เช่น จิตเห็น (จักขุวิญญาณ) จิตได้ยิน (โสตวิญญาณ) จิตที่มีโลภะเกิดร่วมด้วย (โลภมูลจิต) เป็นต้น
เจตสิก เป็นสภาพธรรมที่มีจริงอย่างหนึ่ง เป็นสภาพรู้เป็นธาตุรู้ เป็นสภาพธรรมที่เกิดประกอบพร้อมกับจิต เกิดพร้อมกับจิต ดับพร้อมกับจิต รู้อารมณ์เดียวกันกับจิต และในภูมิที่มีทั้งรูปและนาม เจตสิกก็อาศัยที่เกิดที่เดียวกันกับจิต ตัวอย่างเจตสิก เช่น ผัสสะ สภาพที่กระทบอารมณ์ โลภะ ความติดข้อง โทสะ ความโกรธความขุ่นเคืองใจ อวิชชาหรือโมหะ ความหลง ความไม่รู้ เป็นต้น
อารมณ์ คือ สิ่งที่จิตและเจตสิกรู้ สิ่งใดก็ตามที่จิตและเจตสิกรู้ สิ่งนั้น เป็นอารมณ์ เช่น ในขณะที่เห็นเกิดขึ้น ก็เห็นสีหรือเห็นสิ่งที่ปรากฏทางตา สิ่งที่ปรากฏทางตานั่นแหละ เป็นอารมณ์ของจิตเห็น (และเป็นอารมณ์ของเจตสิกที่เกิดร่วมกับจิตเห็นด้วย) เป็นต้น
อวิชชา เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นสภาพที่ไม่รู้ความจริง มืดมิด อวิชชาเป็นมูลรากของความไม่ดีทั้งหลายทั้งปวง และอวิชชาก็เกิดกับอกุศลจิตทุกประเภทด้วย ทุกครั้งที่จิตเป็นอกุศล จะไม่ปราศจากอวิชชาเลย
ธรรม เป็น ธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง จึงไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน ไม่ใช่ใคร เพราะเป็นแต่เพียงสิ่งที่มีจริงละหนึ่งที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไปเท่านั้น ครับ
... ยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...