Thai-Hindi 29 March 2025

 
prinwut
วันที่  29 มี.ค. 2568
หมายเลข  49648
อ่าน  88

Thai-Hindi 29 March 2025


- คุณปรียา เดี๋ยวนี้มีธรรมไหม (คุณปรียา - มี) อะไรเป็นธรรม (เห็น ได้ยิน) เป็นปรียาเห็น คุณสุคินเห็น หรือใครเห็นหรือเปล่า (ไม่มีใครเห็น เห็นนั่นแหละเห็น) เป็นธรรมหรือเปล่า (เป็น) เป็นธรรมประเภทไหน (นามธรรม) นามธรรมมีกี่อย่างกี่ประเภท แบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ อะไรบ้าง นามธรรมประเภทใหญ่ๆ (มีนามธรรม ๒ ประเภทคือ จิตและเจตสิก) อยู่ไหน (จิตเจตสิกเกิดพร้อมกัน ทุกคนมีจิตและเจตสิก)

- เพราะฉะนั้นคุณปรียาเข้าใจต้องให้คนอื่นเข้าใจให้ถูก เริ่มตั้งแต่ต้น เราไม่ได้ศึกษาอะไรจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้านอกจากศึกษาสิ่งที่มีทุกขณะและเราก็มีเดี๋ยวนี้ให้รู้ความจริงว่าเป็นอะไร ให้เขารู้ว่าที่ทุกคนไม่รู้คือ ไม่รู้ทุกสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ทั้งหมดว่าคืออะไร มิฉะนั้นจะลืมเสมอลืมทันทีว่า ศึกษาอะไร เพื่อรู้อะไร เข้าใจอะไร

- ถ้าศึกษาคำ ศึกษาชื่อ ศึกษาเรื่อง ไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่รู้จักธรรม รู้จักชื่อ รู้จักความหมายของชื่อ รู้จักเรื่องแต่ไม่รู้จักธรรม ไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้ารู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารู้ว่าพระองค์ไม่ได้พูดเรื่องอื่น พูดถึงสิ่งที่มีทุกวัน กำลังมีเดี๋ยวนี้ด้วย

- ถ้าไม่เริ่มฟังคำของพระองค์จะไม่รู้ว่า พระองค์ทรงแสดงความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ทุกขณะ ถ้ารู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะรู้ว่า พระองค์ตรัสรู้และทรงแสดงความจริงของสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ทุกขณะ น่าสนใจไหมหรือว่าเป็นเรื่องธรรมไม่ต้องรู้ ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยที่โรงเรียน รู้เรื่องนั้นเรื่องนี้ดีกว่า คิดอย่างนั้นหรือเปล่า (เรื่องแบบนี้ลึกซึ้งมาก ที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอนแบบนี้เพราะว่าธรรมลึกซึ้ง ที่อื่นไม่มีใครสอนแบบนี้

- เพราะฉะนั้นเป็นบุญของคุณปรียาที่มีโอกาสได้รู้ความจริงว่า สิ่งอะไรประเสริฐที่สุดในชีวิตในสังสารวัฏฏ์ คุณปรียารู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแค่ไหน (เวลานี้น้อยมาก น้อยจนสุดชีวิตนี้แล้วก็อาจไม่เริ่มรู้จริงๆ) นี้เป็นปัญญาที่รู้ความจริงเป็นสัจจธรรม

- คุณปรียาเคารพพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากไหม (ตามกำลังของความเข้าใจ เวลานี้เข้าใจน้อยมาก นับถือน้อยมาก) นับถือแค่ไหน (ตามกำลังของความเข้าใจของตัวเอง) เข้าใจแค่ไหนนับถือแค่นั้นใช่ไหม

- คนที่ไม่เข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย นับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือเปล่า (ไม่มีความนับถือ) เขาคิดว่าเขานับถือแต่เขานับถือชื่อเท่านั้น ความจริงลึกซึ้งมากเพราะฉะนั้นทุกครั้งเราต้องพูดเพื่อรู้ความจริงเพื่อสะสมความเป็นผู้ตรงต่อความจริงจึงจะรู้ความจริงได้ ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกคำเพื่อรู้ว่าทุกคำของพระองค์ทำให้เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างที่มีในชีวิตทุกวัน

- เดี๋ยวนี้มีเห็นไหม (เห็น) พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่าเห็นคืออะไร (เป็นสิ่งที่มีจริง) เพราะฉะนั้นทุกคนรู้ว่าเห็นมีจริง แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงว่า เห็นที่มีจริงเดี๋ยวนี้เป็นอะไร (คุณปายัล - เห็นเป็นนามธรรมที่เกิดแล้วรู้) ไม่มีปายัล ไม่มีปรียาใช่ไหม (ใช่) เริ่มมั่นคง เห็นเดี๋ยวนี้ไม่ใช่ใครเลย เห็นเป็นเห็นเท่านั้น

- เห็นเป็นธรรมใช่ไหม ไม่ใช่คุณปรียา ไม่ใช่คุณปายัลเพราะฉะนั้นเห็นเป็นอนัตตาใช่ไหม เพราะฉะนั้นต้องมั่นคงในคำว่า “ธรรม” สิ่งที่มีจริงเป็นอนัตตาจะเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเป็นสิ่งที่มีจริงอย่างนั้นเท่านั้น

- กำลังได้ยินเป็นคุณปายัลหรือเปล่า (ได้ยินเป็นธรรม) เห็นเป็นได้ยินได้ไหม เห็น “ได้ยิน” ได้ไหม (เห็นเป็นได้ยินไม่ได้เป็นคนละธรรมกัน เพราะฉะนั้นถ้าเห็นไม่เกิดจะมีเห็นไหม (ถ้าไม่เกิดก็ไม่มี) เห็นเกิดแล้ว เวลาได้ยินยังมีเห็นไหม (ถ้าเห็นเกิด มีได้ยินไม่ได้ ได้ยินต้องดับไปแล้ว) เพราะฉะนั้นเห็นเกิดแล้วดับ ได้ยินเกิดแล้ว สิ่งที่เกิดแล้วดับทุกอย่างใช่ไหม

- เพราะฉะนั้นชีวิตคือธรรม ๑ ที่เกิดแล้วดับๆ ๆ ๆ แต่ละ ๑ ธรรมใช่ไหม (ใช่) เริ่มรู้จัก “สัจจธรรม” แล้วใช่ไหม ไม่ใช่พูดตาม อริยสัจจธรรมมีอะไรบ้างแต่รู้ว่าเดี๋ยวนี้เป็นธรรมที่เป็นสัจจะ เริ่มเข้าใจว่า ทุกอย่างเกิดแล้วดับ ไม่มีปรียา ไม่มีปายัล ไม่มีใครเลยนอกจากธรรมที่เกิดจริงดับจริงไม่เหลือเลย

- ขณะเกิดแล้วดับๆ ๆ ๆ จนถึงตาย มีประโยชน์ไหม (เป็นอย่างนี้ไม่มีประโยชน์) แล้วอาหารอร่อยๆ เสื้อผ้าสวยๆ ดีไหม (เหมือนกันไม่มีประโยชน์) ชอบไหม (ชอบทั้งวัน) เพราะฉะนั้นถ้าไม่รู้ว่า ชอบเกิดแล้วก็ดับ ทุกอย่างเกิดแล้วดับก็จะไม่รู้เลยว่า จะชอบทุกอย่างไปเรื่อยๆ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prinwut
วันที่ 29 มี.ค. 2568

- ห้ามไม่ให้ชอบได้ไหม (ห้ามไม่ได้) แต่รู้ว่า แม้ชอบเกิดสั้นๆ แล้วก็ดับแล้วไม่กลับมาอีกเลยได้ ใช่ไหม เพราะฉะนั้นก็ต้องรู้ว่า ทุกอย่างแม้ความชอบหรือไม่ชอบเกิดแล้วก็ดับไป ชอบเป็นธรรมหรือว่าเป็นคุณปรียาคุณปายัล (เป็นธรรม) จนกว่าจะมีความเข้าใจเดี๋ยวนี้ว่าแต่ละ ๑ ที่มีเป็นธรรมแต่ละ ๑

- ทุกอย่างเป็นธรรม ถูกไหม (ถูก) ความเข้าใจถูกเป็นคุณปรียาคุณปายัลหรือเปล่า (ไม่ใช่) เพราะฉะนั้นในบรรดาสิ่งที่เกิดดับทุกอย่างทุกวัน อะไรประเสริฐที่สุด (ยังคิดในนัยก่อนหน้านี้ว่า ธรรมเกิดแล้วดับก็ไม่มีค่า ยังตอบไม่ได้) เพราะเขาไม่ฟังคำถาม

- เพราะฉะนั้น ธรรมเป็นเรื่องละเอียดมาก ถ้าเขาไม่เข้าใจความละเอียดเขาจะไม่มีวันเข้าใจธรรม ทุกอย่างที่พูดทุกอย่างที่ละเอียดเป็นตัวหนังสือเป็นเรื่องเป็นราวแต่จะไม่รู้เลย เพราะฉะนั้น ต้องเริ่มมีความเข้าใจที่มั่นคงในความเป็นธรรมซึ่งไม่ใช่เรา ให้เขาคิดของเขาเพราะว่าเราพูดแล้วคุณต้องคิดพิจารณาและรู้คำตอบด้วยตัวคุณเอง เพราะฉะนั้นเราถามเพื่อให้เขาคิดแต่เมื่อกี้เขาไม่ได้ฟังคำถาม

- คำถามถามว่าอะไร (คุณปายัล - จากธรรมทุกประการ ธรรมไหนมีค่าที่สุด) เพราะฉะนั้นเมื่อถามอย่างนี้ว่า ธรรมทุกอย่างที่เกิดดับๆ ๆ ในบรรดาธรรมที่เกิดดับทั้งหมด ธรรมอะไรประเสริฐที่สุด (คุณโซฮาน - กุศล) กุศลอะไร มีกุลหลายอย่าง (กามาวจรกุศล)

- กามาวจรกุศลคืออะไร (จิต) จิตประเสริฐสุดหรือ อกุศลจิตประเสริฐไหม (คำตอบคือกามาวจรกุศลจิต) กุศลจิตคืออะไร (จิตที่บริสุทธิ์ มีปีติ มีความเข้าใจ) อะไร ๑ อย่างประเสริฐสุด (ความเข้าใจที่มีค่า) ความเข้าใจเป็นอะไร เป็นธรรมหรือเปล่า (เป็นธรรม) เป็นธรรมอะไร (คุณปายัล - เป็นเจตสิก) เจตสิกมีเท่าไหร่ (๕๒)

- เพราะฉะนั้นในบรรดาสิ่งที่เกิดดับทั้งหมดอะไรประเสริฐสุด (เป็นอโมหะ เป็นปัญญาเจตสิก) ถูกต้อง จริงไหม (จริง) เป็นเราหรือเปล่า (ไม่) เป็นอะไร (เป็นเจตสิก) เป็นเจตสิกอะไร (คุณปรียา - ปัญญาเจตสิก) ถามอีกๆ ๆ จะเปลี่ยนไหม (ไม่เปลี่ยน) นี้คือปัญญาบารมี เริ่มมีปัญญาบารมีแต่ยังไม่พอ

- ทำไมว่า ปัญญาเจตสิก อโมหเจตสิก ประเสริฐที่สุด (คุณปายัล - เพราะปัญญาเข้าใจความจริง) ถูกต้อง ถ้ามีคนขอซื้อปัญญาขอปายัล เอาไหม ให้ไหม (ไม่ให้) แน่ใจนะ (แน่ใจ) เป็นอธิษฐานบารมี ให้ชีวิตมีความสะดวกสบาย มีเงิน มีทรัพย์สิน มีชื่อเสียงแต่ไม่มีปัญญา เอาไหม (เป็นอย่างนั้น)

- ถามว่า ถ้ามีคนขอซื้อปัญญา เอาเงินมากมายมหาศาลมาให้ ขายปัญญาให้เขาไปแล้วไม่เหลือปัญญาเลย เอาไหม (ไม่ขาย) เป็นคนจนที่สุด ไม่มีบ้าน ไม่มีเงิน แล้วมีคนมาบอกว่า ให้เป็นพระราชามีทรัพย์สมบัติมีทุกอย่างแต่ไม่ให้มีความเข้าใจ เอาไหม (คุณปายัล - เป็นคนจนแต่มีความเข้าใจจะมีค่าเพราะมีความเข้าใจแล้วดีที่สุด)

- ถ้าคุณพ่อคุณแม่โกรธมากที่ลูกมีปัญญา จะศึกษาธรรมต่อไปให้เกิดปัญญาไหม (ไม่เลิกศึกษา) ถ้าเขาบอกว่า ถ้าไม่เลิกฟังธรรมจะฆ่าให้ตายเดี๋ยวนี้จะฟังธรรมต่อไปไหม (ไม่ยุติการฟังธรรมและศึกษา) แม้ว่าเขาจะฆ่าให้ตายหรือ (ไม่เลิก) เพราะฉะนั้นก็เป็นโพธิสัตว์ที่มีขันติบารมี มีเนกขัมมะบารมี มีวิริยะบารมี มีอธิษฐานบารมี มีปัญญาบารมี เพราะฉะนั้นก็จะมีเวลาที่จะเข้าใจธรรมเพิ่มขึ้นเพราะเห็นประโยชน์ตามกำลังของความเข้าใจและปัจจัย

- ถ้ามีคนบอกว่า ที่ดิฉันพูดทั้งหมดผิดไม่ต้องเรียน จะเรียนไหม (ไม่เชื่อ) เพราะอะไร (คุณปรียา - เชื่อว่าท่านอาจารย์มีปัญญาสูง เพราะว่ามีคนฟังจากหลายประเทศเพราะฉะนั้นท่านอาจารย์ต้องพูดถูก) ขอโทษนะคะ ยังไม่พอ ยังไม่ใช่ เพราะคนที่เชื่อผิด เห็นผิด ฟังผิด มีมากกว่าใช่ไหม ทั้งโลกอะไรมากกว่ากัน เห็นถูกหรือเห็นผิด (ความเข้าใจผิดมากกว่า) เพราะฉะนั้นไม่ใช่ฟังดิฉัน ไม่ใช่เชื่อดิฉัน เป็นธรรม

- คำใดเป็นคำจริงทุกคำนั้นเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคนอาศัยคำของพระพุทธเจ้า ฟังแล้วไตร่ตรองศึกษาจนกระทั่งรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด ทำไมคนที่ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วมีการสนทนาธรรมกัน สนทนาธรรมทุกคนที่ได้ฟังธรรมแล้วสามารถที่จะพูดถึงธรรมที่ได้ฟังด้วยความเข้าใจต่างๆ

- ขณะใดที่ฟังความจริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สนทนาแล้วมีความเข้าใจขณะนั้นคบบัณฑิตไม่ใช่คบคนพาล เพราะฉะนั้นแต่ละคนจะไม่ใช่พาลและจะเป็นบัณฑิตเมื่อฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วไตร่ตรองจนกระทั่งเข้าใจถูกต้อง แต่ละคนมีความคิดความเห็นหลากหลายต่างๆ กัน ทั้งคุณปายัล คุณโซฮาน คุณปรียา ทุกคนฟังธรรม สนทนาธรรม เคารพธรรม เคารพพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยฟังคำของพระองค์แล้วสนทนาเพื่อมีความเข้าใจที่ถูกต้อง

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
prinwut
วันที่ 29 มี.ค. 2568

- ธรรมละเอียดไหม ธรรมละเอียดแล้วลึกซึ้งไหม แล้วสามารถที่จะรู้ได้ไหม (ได้) เมื่อได้ฟังแล้วเริ่มรู้ว่า ขณะนี้เป็นธรรมทุกอย่างทุกขณะ ต้องเข้าใจทุกคำและความลึกซึ้งของทุกคำ จริงไหม ถ้าฟังแล้วไม่ไตร่ตรองให้ลึกซึ้งสามารถที่จะเข้าใจธรรมได้ไหม (ถ้าไม่พิจารณาก็ไม่สามารถเข้าใจว่าธรรมลึกซึ้งละเอียดขนาดไหน)

- เพราะฉะนั้นอดทนที่จะฟังซ้ำๆ บ่อยๆ หรือเปล่า (ไม่มีทางอื่นนอกจากอดทนและฟัง) เบื่อไหมที่จะฟังซ้ำๆ อีก (ไม่เบื่อ) เพราะอะไร (เพราะมีความเข้าใจและมีความสนใจที่เกิดจากความเข้าใจ) เพราะจะเข้าใจเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ฟังแล้วฟังอีกทีละเล็กทีละน้อย ถ้าไม่พูดถึงเห็นบ่อยๆ ทุกวันก็ลืมว่าเห็นเป็นธรรมใช่ไหม

- พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้เห็นว่าเป็นธรรมที่เกิดดับ เข้าใจใช่ไหม (เข้าใจ) พอไหม (ไม่) เพราะอะไร (เข้าใจว่า ความเข้าใจตอนนี้น้อยมาก) เพราะฟังแล้วก็ลืม ไม่คิดถึงเลยว่าเห็นขณะนี้เป็นธรรม จนกว่าจะไม่ลืมว่า ขณะนี้มีจริงเป็นธรรม ใช่ไหม

- ขณะที่ไม่ลืมที่จะรู้ว่า เดี๋ยวนี้เห็นเป็นธรรม ขณะที่ไม่ลืม “อะไร” เป็นขณะที่ไม่ลืม (ยังไม่เข้าใจว่า อะไรทำกิจทำให้ไม่ลืมว่าเป็นธรรม) ถูกต้อง เพราะเหตุว่า เขาจำแต่ชื่อของเจตสิก เพราะฉะนั้นขณะนั้นไม่ลืมระลึกได้ว่า เห็นมี ที่กำลังเห็นที่จะรู้ได้ ขณะนั้นเป็น “สติ” เพราะฉะนั้นขณะที่ระลึกได้ที่เป็นกุศลเป็นสติ

- ต้องไม่ลืมว่า ทุกอย่างมีจริงเป็นธรรมแต่ละ ๑ ส่วนใหญ่ทั้งวันเป็นอะไร เป็นธรรมแน่นอนแต่ต้องละเอียดว่าเป็นธรรมอไร และต้องไม่ลืมว่า คำถามว่า “ส่วนใหญ่” ทุกวันเป็นธรรมอะไร (คุณปรียา - เป็นอกุศล) ขณะนั้นมีสติไหม (ไม่มี) เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่สติ “ระลึก” ได้ในสิ่งที่เป็นกุศล ขณะนั้นเป็นกุศลจิต

- เพราะฉะนั้นในชีวิตประจำวัน ขณะที่ทำสิ่งที่ดีเช่น การให้สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่คนอื่นเพราะสติไม่ลืมระลึกถึงสิ่งที่ควรให้ ขณะที่รู้ว่า ควรเข้าใจสิ่งที่กำลังมีว่าเป็นธรรม ขณะนั้นเป็นกุศลหรืออกุศล (เป็นกุศล) เพราะฉะนั้นขณะใดก็ตามที่เป็นสิ่งที่ดีเพราะสติเกิดระลึกเป็นไปในกุศลนั้นๆ เพราะฉะนั้นชีวิตประจำวันขณะใดที่ช่วยคนอื่นไม่ว่าใคร ขณะนั้นเพราะสติเกิดเป็นกุศลประเภทนั้น

- สติเป็นคุณปายัล เป็นคุณปรียาหรือเปล่า (ไม่) เพราะฉะนั้นเป็นธรรมทั้งหมดและเป็นธรรมที่เป็นสติเมื่อขณะใดทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ เพราะฉะนั้นเวลาที่เราได้ยินคำว่า สติเป็นโสภณเจตสิกก็ไรู้ได้ขณะใดเป็นสิ่งที่ดีขณะนั้นมีสติเกิดร่วมด้วย ขณะที่ฟังธรรมแล้วเข้าใจมีสติไหม มีปัญญาไหม (มี) เกิดพร้อมกันหรือเปล่า (เกิดพร้อมกัน) แล้วสติเป็นปัญญาหรือเปล่า (สติไม่ได้เป็นปัญญา)

- สติเกิดโดยไม่มีปัญญาเกิดด้วยได้ไหม (ได้) เมื่อไหร่ (เวลาให้ เวลาทำทาน ตอนนั้นมีสติแต่ไม่มีปัญญา) แล้วเมื่อไหร่มีปัญญา (เวลาเกิดทานแล้วเข้าใจทาน) เข้าใจอย่างไร (คุณโซฮาน - ไม่เข้าใจว่าปัญญารู้อะไร) ถ้าปัญญาไม่เกิดจะรู้ไหม (ถ้าไม่เกิดก็ไม่รู้) เพราะฉะนั้นเมื่อปัญญาเกิดจึงรู้ว่า ขณะนั้นไม่ใช่เรา และจะรู้เพิ่มขึ้นๆ ว่าไม่ใช่เราแล้วขณะนั้นเป็นอะไรที่ละ ๑

- ตอนเป็นเด็กคุณโซฮานเคยให้อะไรใครไหม (เคย) รู้ไหมว่า ขณะนั้นให้ทานเป็นสติหรือไม่ใช่สติ (ไม่รู้) ถ้าพ่อแม่ให้อะไรลูก พี่ให้น้อง น้องให้พี่ เป็นทานหรือเปล่า (ไม่ได้เป็นทาน) ทำไมล่ะ ปกติไม่ได้ให้และเวลาให้ต่างกับขณะที่ไม่ได้ให้ ถามว่า พี่ให้น้อง น้องให้พี่ขณะที่ให้เป็นทานหรือเปล่า (เป็นปกติเพราะในครอบครัวเราให้เพราะมีความผูกพัน) แต่เราไม่รู้ว่าเป็นธรรมใช่ไหม (เพราะไม่เข้าใจธรรม)

- เพราะฉะนั้นก่อนที่จะรู้ว่า ขณะนั้นมีธรรมที่เป็นกุศลและอกุศลต้องรู้จักธรรมก่อนใช่ไหม (ต้องฟังธรรมก่อน) เพราะฉะนั้นธรรมละเอียดมาก ควรที่จะรู้ว่า ให้เป็นธรรม ให้เป็นธรรมที่ดีเพราะเพื่อประโยชน์แก่คนอื่น เพราะฉะนั้นเริ่มรู้ว่า ขณะที่เป็นธรรมที่ดี ขณะนั้นมีสติทุกครั้ง

- ขณะใดที่ไม่เห็นประโยชน์ของความเข้าใจธรรม ขณะนั้นสติเกิดหรือเปล่า (ขณะนั้นไม่มีสติ) เพราะฉะนั้นสติเป็นสติไม่ใช่ปัญญา เป็นความจริงทุกขณะในชีวิตประจำวันที่ละเอียดมาก ถ้าไม่รู้ว่าอะไรเป็นธรรมที่ดีจะเป็นเราและเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดและเป็นคนหนึ่งคนใดเสมอ

- คุณโซฮาน คุณปายัล คุณปรียา รู้จักคนดีหลายคนใช่ไหม (ใช่) แต่เขาเหล่านั้นไม่เข้าใจธรรมก็มีใช่ไหม (มีเยอะ) และคนที่เข้าใจธรรมก็ยังเป็นคนไม่ดีใช่ไหม (ใช่) เพราะฉะนั้นต้องตรงต่อธรรม เพราะฉะนั้นจึงต้องตรงต่อความจริงว่า ในบรรดาสิ่งที่เกิดดับทั้งปวงปัญญาประเสริฐสุด ถ้ารู้แต่ชื่อธรรม มีประโยชน์ไหม (ไม่มีประโยชน์) แต่เริ่มเข้าใจธรรมเดี๋ยวนี้ที่มีจริงมีประโยชน์มากกว่า เพราะธรรมทุกอย่างเป็นจริงอย่างที่เราได้ฟัง

- สำหรับวันนี้ก็ยินดีในกุศลที่มีความเข้าใจเป็นพื้นฐานที่มั่นคงเป็นบารมี ยินดีในกุศลของคุณสุคินและทุกท่านด้วยนะคะ สวัสดีค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 30 มี.ค. 2568

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ