การอบรมเจริญสติปัฏฐานไม่ใช่เราไปทำ

 
nattawan
วันที่  8 เม.ย. 2568
หมายเลข  49724
อ่าน  102

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สุ. ให้เข้าใจว่า การเจริญสติปัฏฐานไม่ใช่การทำ แต่เป็นการเริ่มเข้าใจ ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ถ้าได้ยินคำว่า ปฏิบัติ และแปลมาตรงๆ ว่า ทำ ก็จะทำให้มีความเข้าใจผิดว่า ต้องไปทำสติปัฏฐาน หรือต้องทำสติปัฏฐาน แต่ความจริง สติ คือ สภาพที่ระลึกรู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏ เพื่อการเจริญขึ้นของปัญญา คือ ความรู้ ความเข้าใจถูกต้อง ในลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฏนั่นเอง

เพราะฉะนั้น ขณะใดที่กำลังพิจารณาหรือกำลังค่อยๆ เข้าใจ ค่อยๆ เริ่มรู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏ ในขณะนั้นมรรคมีองค์ ๘ หรือเมื่อยังไม่ถึงโลกุตตรจิต ก็มีมรรคมีองค์ ๕ แน่นอน ขาดวิรตีเจตสิก ๓ ซึ่งได้แก่ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ และสัมมาอาชีวะ ซึ่งเจตสิกทั้ง ๓ นี้จะเกิดไม่พร้อมกัน

ถ้าเราจะไม่พูดเรื่องจำนวนว่า ๕ หรือ ๘ แต่หมายความว่ามรรคมีองค์ ๘ แม้ว่ายังเกิดไม่ครบ แต่ก็ต้องมีสัมมาทิฏฐิ มีสัมมาสังกัปปะ มีสัมมาวายามะ มีสัมมาสติ และมีสัมมาสมาธิเกิดแน่นอน ซึ่งในขณะนั้นสติเจตสิกที่เป็นมรรค กำลังทำงานของสติเจตสิก เหมือนกับในขณะนี้ ไม่ใช่เราจะทำเห็น แต่สภาพธรรม มีปัจจัยเกิดขึ้นทำกิจเห็น ไม่ใช่เราทำเห็น ขณะที่กำลังได้ยินก็เป็นสภาพธรรมที่มีปัจจัยเกิดขึ้นทำกิจได้ยิน มีเจตสิกเกิดร่วมด้วยเท่าไร เป็นจิตประเภทไหน เกิดดับสืบต่อกันในวาระหนึ่งอย่างไร นั่นก็คือสภาพธรรมทั้งหมด ไม่ใช่เรา ฉันใด การอบรมเจริญ สติปัฏฐานก็ไม่ใช่การที่เราจะไปทำ และต้องรู้ว่าเป็นขณะที่โสภณเจตสิกที่เป็นมรรค มีองค์ ๘ เกิดขึ้นทำกิจการงาน โดยเริ่มเข้าใจลักษณะของสภาพธรรม ซึ่งถ้าเป็น อย่างนั้น ในขณะนั้นสติต้องเกิดและเป็นสติปัฏฐาน และปัญญาก็ค่อยๆ เจริญขึ้นด้วย

ต้องเข้าใจให้ถูกว่า ไม่ใช่เรื่องทำ แต่เป็นเรื่องภาวนา คือ การอบรมเจริญปัญญา รู้ลักษณะของสภาพธรรมเพิ่มขึ้น

ที่มา และ รับฟังเพิ่มเติม ...

แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1904

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 8 เม.ย. 2568

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ