การหลับตาแล้วคิดนึก กับ หลับฝัน แตกต่างกันอย่างไร
จากความเข้าใจแค่เบื้องต้น เข้าใจเพียงแค่ว่า หลับฝัน เป็นความคิดที่ต่อเนื่องมาจากภวังคจิตที่สืบต่อมาระยะเวลา แต่ถ้าหลับตาและคิดนึกระหว่างวัน ก็สืบต่อมาจากภวังคจิตที่คั่นมาจาก ปัญจทวารอื่นๆ
แต่ด้วยความรู้สึก ยังมีความรู้สึกว่ามีเจตสิกใดสักอย่างที่ทำให้มันต่างกันค่อนข้างมากใน 2 ภาวะนี้ แต่ผมยังไม่ทราบครับ จึงขอสอบถามเพื่อความเข้าใจเพิ่มเติมครับ
ขอบพระคุณครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ความคิดนึกเป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่เป็นนามธรรมได้แก่จิต และเจตสิกธรรมที่เกิดร่วมด้วย ที่เป็นไปทางใจ เพราะตามปกติแล้ว จิตเกิดขึ้นรู้อารมณ์ทาง ๕ ทวาร ทวารหนึ่งทวารใด แล้วต่อด้วยวิถีจิตทางใจ โดยมีภวังคจิตคั่น นี้คือความเป็นจริงของธรรม หรือแม้ไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่ได้ลิ้มรส ไม่ได้ถูกต้องกระทบสัมผัส ก็คิดนึกได้ คิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เคยเห็นเคยได้ยิน เป็นต้น คิดในระหว่างวัน ก็เนื่องมาจากเห็น ได้ยิน เป็นต้น แม้ในขณะที่ฝัน ก็ไม่พ้นจากสภาพที่คิด นั่นเอง แต่เป็นคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ซึ่งไม่ได้เนื่องมาจากเห็น ได้ยิน เป็นต้น เหมือนในระหว่างวันเลย
สภาพธรรมที่คิด มีจริง คือ จิต และเจตสิกประการต่างๆ เช่น วิตักกเจตสิก เป็นต้น เรื่องที่คิดไม่มีจริง ไม่มีใครที่จะไปบังคับบัญชา ไม่ให้สภาพธรรมหนึ่งสภาพธรรมใดเกิดขึ้นเป็นไปได้เลย เพราะธรรมเกิดเพราะเหตุปัจจัย ประโยชน์ที่ควรพิจารณา คือ เข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในขณะนี้ไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่ใดก็ตาม ที่สำคัญต้องมีการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกไปเรื่อยๆ ไม่ขาดการฟังพระธรรม ครับ
... ยินดีในกุศลจิตของคุณ stfurol และทุกๆ ท่านด้วยครับ ...