ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗๑๒
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗๑๒
~ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมแต่ละคำ คิดดู นับไม่ถ้วนเลยว่ากี่คำ ตลอด ๔๕ พรรษา เป็นเรื่องจริงทั้งหมด เพื่อให้คนที่ไม่รู้อะไรเลยในสังสารวัฏฏ์ได้ตื่น คือ ตื่นจากกิเลสมารู้ความจริงของสภาพธรรมที่มีจริงๆ แล้วก็อบรมเจริญปัญญาจนสามารถที่จะเห็นถูกตรงตามที่ได้ฟังแต่ละคำ
~ กัลยาณมิตรสูงสุดคือพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าไม่มีการตรัสรู้ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าพระองค์ไม่ทรงแสดงพระธรรม มีใครจะได้ยินได้ฟังสิ่งที่ไม่สามารถคิดเองและเข้าใจเองได้ แม้ว่าขณะนี้ก็กำลังมีอยู่ตั้งแต่เกิดจนตาย แต่ก็ไม่สามารถที่จะรู้ความจริงนั้นได้เลย ด้วยเหตุนี้ กัลยาณมิตรก็คือผู้ที่เหนือกว่ามิตรธรรมดา สูงสุด คือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า นอกจากให้ปัญญาก็ยังให้ทุกสิ่งทุกอย่างด้วย เพราะเหตุว่าเมื่อมีปัญญาเกิดขึ้น ปัญญาเป็นสภาพที่มีความเห็นถูกต้องตามความเป็นจริงของสภาพธรรม เพราะฉะนั้น เวลาที่มีปัญญาความเห็นถูก ความคิดต่างๆ จะถูกไหม?
~ ถ้าเห็นคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะเริ่มมีความสนใจในแต่ละคำของพระองค์เป็นประโยชน์มหาศาล ปล่อยวางความไม่รู้ซึ่งมีมากมายมหาศาลซึ่งเป็นต้นเหตุให้เกิดความทุกข์
~ แต่ละคน บางคนก็เป็นคนโกรธง่าย บางคนก็ริษยาเร็วมากเลย บางคนก็เมตตาหรือกรุณาก่อนที่คนอื่นจะมีความเมตตากรุณาอย่างเขา เขาก็เกิดแล้ว และทำกุศลกรรมจบไปแล้วด้วย คนอื่นก็อาจยังไม่ทันที่จะเกิดกุศลประเภทนั้นเลยก็ได้ เพราะฉะนั้น กล่าวถึงธรรมก็คือสิ่งที่มีจริงๆ ทั้งหมดซึ่งมีความหลากหลาย ก็เพื่อที่จะให้รู้ว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของใคร และก็ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครเลย
~ รู้จักคุณความดีว่าเป็นคุณความดี มีหรือคนที่รู้คุณความดีจะไม่ทำความดี เป็นไปไม่ได้เลย
~ ขณะนี้หมดแล้วไม่มีวันที่จะย้อนกลับคืนมาอีกได้เลยสักขณะเดียว และก็ไม่รู้ด้วยว่าข้างหน้าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ปัญญาที่ได้ฟังเข้าใจก็พร้อมที่จะรู้ความจริงไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขณะนั้นก็จะเข้าใจในความเป็นอนัตตา แล้วต้องตรงว่าทุกอย่างที่ได้ฟัง เป็นจริง
~ ต้องเป็นผู้ที่เห็นโทษของกิเลสและกิเลสสำคัญที่จะดับไปก่อนก็คือความเห็นผิดว่ามีเรา เมื่อมีเราแล้ว ทุกอย่างเพื่อเรา อกุศลทั้งหลายก็จะเจริญขึ้นจนกระทั่งกระทำอกุศลกรรมได้เพื่อเรา เพราะฉะนั้น ก็ไม่เห็นโทษ ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม
~ ใครร้าย เห็นความร้าย ยังไม่เท่ากับการสะสมมา ร้ายยิ่งกว่าที่ปรากฏ เพราะว่าสิ่งที่ปรากฏนั้นเพียงเล็กน้อย เพราะฉะนั้น ใครสามารถที่จะทำให้จิตซึ่งหนักแล้วก็ไม่ผาสุกเลย เพราะเหตุว่าเต็มไปด้วยกิเลสเดือดร้อนวุ่นวายกระวนกระวายอยู่ตลอดเวลาไม่เรื่องนั้นก็เรื่องนี้ออกได้ ก็มีแต่พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเพราะทรงดับกิเลสแล้ว
~ เมื่อกิเลสเป็นสิ่งที่มีมากแต่สามารถดับได้ ก็ต้องรู้ว่าดับได้เพราะอะไร เพราะความเข้าใจถูกความเห็นถูกในสิ่งที่มีในชีวิตทุกขณะว่าเป็นแต่เพียงสิ่งที่เพียงเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป จากไม่มีเลย ก็มี แล้วก็ดับไป แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย
~ ถ้าเกิดมาเพิ่มกิเลสสะสมกิเลส ประโยชน์อะไรที่จะเกิดมา แต่เมื่อเกิดมาแล้วรู้ว่ากิเลสมากและหนทางที่จะละกิเลสค่อยๆ ขัดเกลากิเลส มี ถึงแม้ว่าจะเป็นหนทางที่ยากแสนยาก แต่เป็นไปได้ แล้วทำไมไม่เป็นไปในหนทางนั้น?
~ โกรธใครแล้วก็ยังโกรธอยู่ แล้วจะมีประโยชน์อะไรกับใคร ทำร้ายตัวเองตลอดเวลา ถ้าอภัยเมื่อไหร่ สบายทันที ไม่เป็นโทษทั้งตัวเอง และไม่ทำให้คนอื่นเกิดโทษด้วย
~ ไม่คิดเอง แต่ว่าจะศึกษาฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากขึ้นบ่อยขึ้นและแต่ละคำก็ไม่ได้ผ่านไปง่ายๆ คิดไตร่ตรองโดยละเอียดโดยลึกซึ้ง นั่นคือ ประโยชน์มหาศาลที่จะได้ไม่เพียงแต่ได้ยินคำว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ยังสามารถเห็นพระคุณที่ลึกซึ้งสูงสุดประเสริฐกว่าบุคคลใดทั้งสิ้นและเป็นสิ่งที่จะทำให้ชาตินี้เป็นชาติที่มีค่าในสังสารวัฏฏ์ที่ได้สะสมความเข้าใจได้รู้ว่าผู้ใดเป็นผู้ที่ประเสริฐที่สุดที่ได้ทำให้สัตว์โลกได้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง
~ เข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมเบาจากอกุศล
~ ผู้ที่เห็นประโยชน์ของการรู้ความจริงเท่านั้นจึงฟังพระธรรมต่อไป ขณะที่ฟังธรรมแล้วรู้ความจริง ไม่เศร้าหมอง เพราะว่าความจริงเป็นอย่างนั้น ไม่มีใครสามารถที่จะเปลี่ยนให้เป็นอย่างอื่นได้
~ ความไม่รู้ มีมากมายมหาศาล เมื่อไม่รู้ก็มีความติดข้อง สำคัญผิดเข้าใจผิดว่าสิ่งที่มีเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เที่ยง เพราะฉะนั้น จึงต้องฟังให้เข้าใจถูกต้อง จะได้ไม่เข้าใจคลาดเคลื่อน
~ ความเข้าใจที่ละเอียดขึ้นๆ เท่านั้นที่จะประคับประคองไม่ให้ไปในทางที่ผิด เพราะ "ผิด" ง่ายมาก เพราะว่าสะสมมา แต่ปัญญาที่สะสม ก็สามารถรู้ได้ จึงสามารถทำให้พ้นจาก "ผิด" นั้นได้
~ ชีวิตข้างหน้าในสังสารวัฏฏ์อีกยาวนานมาก แล้วถ้าไม่เริ่มเห็นถูก ก็จะผิดต่อไปอีกนานเท่าไหร่
~ ไม่เห็นโทษของความไม่ดี จนกว่าจะได้ฟังพระธรรมด้วยความเข้าใจที่ละเอียดจริงๆ
~ ถ้าวันนี้หรือพรุ่งนี้จะจากโลกนี้ไป ยังจะโกรธคนอื่นอยู่หรือไม่? เป็นโทษสำหรับใครในขณะที่โกรธ?
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗๑๑
... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ
สนทนาธรรมเกิดขึ้น กุศลมี
ฟังธรรมะในดิถี ถูกต้อง
อาจารย์สุจินต์ศรี เป็นหลัก
จิตเจตสิกรูปสอดคล้อง มั่นแฟ้นคำจริง
อ้างอิงจาก ความคิดเห็น 5 โดย มังกรทอง
สนทนาธรรมเกิดขึ้น กุศลมี
ฟังธรรมะในดิถี ถูกต้อง
อาจารย์สุจินต์ศรี เป็นหลัก
จิตเจตสิกรูปสอดคล้อง มั่นแฟ้นคำจริง
ยินดีในกุศลอย่างยิ่งครับ