คน สัตว์ สิ่งของ
ไม่มีคน สัตว์ สิ่งของ โดยปรมัตถ์
ปรมัตถ์ มี ๔ จิต เจตสิก รูป นิพพาน เป็นจริง มีจริง แต่ ว่าไม่มีเรา อยู่ในสิ่งเหล่านั้น การยึดจิต เจตสิก รูป เป็นเรา ทำให้ทุกข์ เพราะจิต เจตสิก รูป ไม่เที่ยง เปลี่ยนแปลงตลอด ที่สำคัญเร็วด้วย สิ่งเหล่านั้นไม่ได้สนเลย ถ้า เราไปยึด ก็ต้องทุกข์ ตามจิต เจตสิก รูปที่เปลี่ยนไป แน่เลย
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
การรู้ขั้นคิดนึกกับประจักษ์ในลักษณะของสภาพธัมมะที่มีจริงที่เกิดขึ้น ก็เป็นปัญญา ต่างระดับกัน แต่เพราะอาศัยปัญญาขั้นการฟัง ฟังให้เข้าใจตามความเป็นจริงอย่างนี้ที่กล่าวมา (กระทู้) ย่อมเป็นปัจจัยให้สติเกิดระลึกลักษณะของสภาพธัมมะที่มีจริงว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา แต่ต้องเข้าใจว่า ผู้ที่เพิ่งอบรมปัญญาแม้ขั้นการฟัง หรือสติเกิดแล้วก็ตามก็ยังยึดถือ สิ่งที่มีจริงในขณะนี้ (จิต เจตสิก รูป) ว่าเป็นเราอย่างเหนียวแน่น จึงย่อมทุกข์กับความแปรปรวนไปของสภาพธัมมะที่เกิดขึ้นและดับไป เป็นธรรมดา ให้รู้ว่าเป็นธรรมดา แม้ทุกข์ที่เกิดขึ้นจากความแปรปรวนเพราะก็เป็นธรรมทั้งนั้น ไม่หลีกเลี่ยง เพราะหลีกไม่ได้ แต่ค่อยๆ เข้าใจความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้นแม้ความทุกข์ จึงมีคำว่ารู้ทั่วในสภาพธัมมะที่มีจริงในขณะนี้
แต่การยึดถือด้วยความเป็นเรานั้น มี ๓ อย่างคือ ยึดถือด้วย ตัณหา มานะ ทิฏฐิ ผู้ที่เป็นปุถุชน ก็ย่อมยึดถือทั้ง ๓ อย่าง ก็ย่อมทุกข์จากความแปรปรวน ปัญญาขั้นการคิดนึกที่ เห็นโทษของการยึดถือ ไม่สามารถละความยึดถือโดยความเป็นเราได้ แต่เป็นปัจจัยให้ค่อยๆ เข้าใจความจริงของสภาพธัมมะที่มีในขณะนี้ แม้พระโสดาบันท่านก็ยังทุกข์จากความแปรปรวนของสภาพธัมมะเพราะยังมีความยึดถือว่าเป็นเราด้วยตัณหา แม้จะไม่ยึด ถือในความเป็นสัตว์ บุคคลแล้วก็ตาม ดังนั้นจึงเห็นได้ว่ากิเลสมีมากและก็ย่อมเป็นทุกข์ ร่ำไปเพราะกิเลส แต่หนทางมี โดยเริ่มจากความเห็นถูกเบื้องต้นในขั้นการฟังว่า ธรรม คืออะไรครับ
ขออนุโมทนา
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ปุถุชนย่อมยึดถือธรรมะที่เกิดดับตามเหตุปัจจัย ว่าเป็น สัตว์ บุคคล ตัวตน และเป็นเรา ของเรา ไว้เหนียวแน่นจริงๆ ด้วย ตัณหา ทิฏฐิ และมานะ
ถึงแม้ว่าจะรู้โดยการศึกษาไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน แต่ตามความเป็นจริง ถ้าปัญญาไม่เกิด ก็ยังยึดว่าเป็นเรา
ตราบใดที่ยังมีขันธ์ ๕ และยังไม่ได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคล แม้จะรู้ว่า "อกุศล" ไม่ดีสักเท่าไร แต่เมื่อปัญญายังไม่ถึงขั้นบรรลุอริยสัจจธรรมได้ ก็ยังคงยึดไว้ ยังไม่ปล่อย ปล่อยก็ไม่หลุด เพราะสั่งสมกิเลสมาเนิ่นนานเหลือเกิน ในสังสารวัฏฏ์ การที่ได้ศึกษา พระธรรมจะทำให้รู้ถึงความเหนียวแน่นของกิเลสที่หมักดองอยู่ในจิต ปัญญาเพียงขั้น ฟัง ศึกษา ทำอะไรกิเลสไม่ได้เลย แต่ก็จำเป็นที่จะต้องเริ่มฟัง เริ่มศึกษา เพื่อการอบรม เจริญปัญญา ละการไม่รู้ความจริงออกไปบ้างก่อน แล้วสังขารขันธ์ที่เป็นโสภณเจตสิก จะค่อยๆ ปรุงแต่งจิตให้อาการดีขึ้นตามลำดับครับ