จะดีกว่าไหม ... ที่จะไม่คบ
ท่านที่เคารพค่ะ ดิฉันยังเป็นพาลอยู่ ได้อ่านได้ฟังธรรมมากมาย แต่ยังไม่สามารถ ปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรม ด้วยรู้เช่นนี้จึงยังคงพยายามศึกษาธรรม อย่างไรก็ตาม มีผู้ทำให้ต้องแสดง โทสะ ข้อดีก็คือทำให้เรารู้ว่าเรายังหยาบอยู่มาก แต่จะดีกว่าไหมค่ะที่จะหลีกเลี่ยงการพบและการคบในขณะที่เรายังหยาบอยู่เช่นนี้
ขอบคุณค่ะ
[เล่มที่ 41] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้าที่ 188
โย พาโล มญฺญตี พาลฺยํ ปณฺฑิโต วาปิ เตน โส พาโล จ ปณฺฑิตมานี ส เว พาโลติ วุจฺจติ "บุคคลใดพาล ย่อมสำคัญความที่แห่งตนเป็น คนพาล บุคคลนั้นจะเป็นบัณฑิตเพราะเหตุนั้นได้บ้าง ส่วนบุคคลใดเป็นคนพาล มีความสำคัญว่าตนเป็น บัณฑิต บุคคลนั้นแล เราเรียกว่า 'คนพาล'
เชิญคลิกฟังพระธรรม ในชุด บารมีในชีวิตประจำวัน ตอนที่ 39 นาที 18.14 ครับ
ไม่มีใครเป็นคนพาล มีแต่อกุศลเท่านั้นที่พาล และพาลตัวจริงคือ โทสมูลจิตซึ่งประกอบไปด้วยเจตสิกที่เป็นพาลคือ โทสเจตสิก ที่เกิดร่วมจิตในขณะนั้น เกิดแล้ว ปรุงจิตให้พาลไม่พอยังปรุงแต่งรูปที่เกิดจากจิตให้ดูพาลอีก แต่พาลที่เกิดร่วมด้วยแบบเงียบๆ ไม่ปรากฏตัว และร้ายกาจกว่า เกิดทีไรก็เกาะกลุ่มเกิดทีละ ๔ ไม่แยกขาดจากกัน เป็นพระอนาคามีก็ละไม่ได้ เพราะเป็นพาลที่มีอิทธิพล นิ่ง ร้ายเงียบ ได้แก่ โมหะ เจตสิก ๑ ตามมาด้วย อหิริกเจตสิก ๑ อโนตตัปปเจตสิก ๑ และ อุทธัจจเจตสิก ๑ พาล อีกตัวหนึ่ง คือ กุกกุจจเจตสิก เป็นเจตสิกที่เดือดร้อนรำคาญใจในอกุศลที่ได้กระทำแล้ว และในกุศลที่ไม่ได้กระทำ กุกกุจจเจตสิกเกิดได้กับโทสมูลจิต ๒ ดวง บางวาระ โทสมูลจิตก็มีกุกกุจจเจตสิกเกิดร่วมด้วย บางวาระก็ไม่เกิดร่วมด้วย แต่พาล ตัวนี้ เป็นพระอนาคามีก็ดับได้.. (ปุถุชนอย่างเราก็ยังหนีไม่พ้นครับ) ย้ำอีกทีนะครับ พาลจริงๆ คือ โทสมูลจิต ประกอบด้วยพาลชื่ออะไรบ้าง ดูจาก สีแดงที่ปรากฏทางตาด้านบนได้ครับ ถ้าสติไม่ค่อยเกิด ก็คิดในแง่ของพระอภิธรรมดู ครับ ไม่มีคน ไม่มีเขา ไม่มีเรา มีแต่จิต เจตสิก รูป แล้วก็ฟังพระธรรม อบรมเจริญ ความเข้าใจถูก เห็นถูก จนสั่งสมให้เป็นผู้ที่ละเอียดจากการเจริญสติปัฏฐาน มีปัญญา เล็งเห็นโทษภัยภายใน คืออกุศลจิตที่เกิด ที่จะล่วงออกมาเป็นอกุศลกรรมบถ พร้อมทั้งอบรมเจริญเมตตา คิดเกื้อกูลผู้อื่น ให้อภัย ไม่ติดใจ ไม่ปองร้าย ไม่เพ่งโทษใคร พิจารณาโทษของอกุศล เป็นมิตรกับผู้อื่นด้วยความเป็นผู้ที่ตรง และจริงใจครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
การคบกับผู้ที่เป็นบัณฑิต เช่น พระพุทธเจ้า เป็นต้น โดยการฟังพระธรรม เป็นสิ่งที่ดี ส่วนคบบุคคลที่มีคุณธรรม มีความเข้าใจธรรมก็ย่อมทำให้เจริญในทางฝ่ายดีมากขึ้น ส่วนบุคคลที่ไม่ดี ก็คบเพื่ออนุเคราะห์เท่านั้น ทุกคนยังมีเพื่อนและยังต้องพบปะผู้คน แต่จะเลือกคบบุคลใด ก็แล้วแต่ความเข้าใจ และการสะสมแต่การคบผู้ที่เจริญก็ย่อมเป็นสิ่งที่ดี หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพบปะครับ
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 85
ข้อความบางตอนจาก
เสวิตัพพสูตร
พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้พระสุคตศาสดา ได้ตรัสพระธรรมเทศนา ไวยากรณภาษิตนี้แล้ว ครั้นแล้วจึงตรัสนิคมคาถาประพันธ์ นี้อีกว่า คนผู้คบคนทราม ย่อมเสื่อม ส่วนคนผู้คบคนเสมอกัน ไม่เสื่อมในกาลไหนๆ ผู้คบคนที่ประเสริฐกว่า ย่อมเจริญเร็ว เพราะฉะนั้น จึงควรคบคนที่ยิ่งกว่าตน
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
กราบขอบพระคุณทุกท่านค่ะ ดิฉันกำลังฟังบารมีในชีวิตประจำวันอยู่เช่นกันค่ะ เพิ่งฟังถึงตอนที่ ๙ และได้ข้ามไปฟัง ๓๙-๔๐ ตามที่ได้กรุณาแนะนำขอบพระคุณในความกรุณาใส่ใจของทุกท่านค่ะ อ่านคำตอบแล้วคิดว่าแต่ละท่านเข้าใจสภาวะทางใจของดิฉันมากกว่าตัวดิฉันเองเสียอีก นี่คงเป็นผลของการเจริญเมตตา ปัญญา ที่เกิดจากปรกติเจริญสติปัฏฐาน กราบขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ
ธรรมโอสถ รักษาทุกข์ใจแก่ผู้ที่มีปัญญาเข้าถึงพระธรรมเท่านั้น ผู้อื่นช่วยได้เพียงชี้แนะ ครับ คงไม่อาจจะรู้จิตของสหายธรรมด้วยกันได้ แต่ยังต้องมั่นคงในธรรม ไม่ประมาทในอกุศล ด้วยปัญญาที่เห็นคุณของการสั่งสมบารมี ๑๐ เพื่อขัดเกลาอกุศลของตน โดยเฉพาะความเป็น "เรา" ด้วยพระธรรมต่อไป
ขออนุโมทนาครับ
กำลังประสบสภาวะ คล้ายคลึงกันค่ะ ฝึกอบรมเจริญเมตตา แบบไม่ต้องท่อง แต่เพราะยังมีเรา จึงยังมีการปรุงแต่ง และเหนื่อย
คำถามคือ ต้องเมตตา เพื่ออนุเคราะห์ทุกกรณี ถูกต้องหรือเปล่าค่ะ (ยังไม่สามารถทำได้ทุกกรณี) ถ้าสะสมมาแบบต้องพบกันบ่อยๆ ต้องอดทนอย่างเดียวเลยหรือค่ะ
ตามหลักคำสอนของพระพุทธองค์ คือ ควรเมตตาทุกกรณี ไม่มียกเว้น แต่ถ้าเมตตาไม่เกิดควรเจริญกรุณา ควรเจริญอุเบกขา