จิต คู่กับเจตสิก รูป คู่กับอุปาทายรูป หรือครับ?
จิตต้องอาศัยเจตสิกจึงเกิดขึ้นได้ เจตสิกต้องอาศัยจิตจึงเกิดขึ้นได้ มหาภูตรูป (ดิน น้ำ ไฟ ลม) อาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น อุปาทายรูปต้องอาศัยมหาภูตรูปจึงเกิดขึ้นได้ แต่มหาภูตรูปไม่ต้องอาศัยอุปาทายรูป กุศลธรรมและอกุศลธรรมทั้งหลาย เป็นทั้งจิตและเจตสิก พระนิพพาน เป็นอนัตตา แต่เป็นอารมณ์ของจิตและเจตสิก นิพพานไม่ใช่จิต เจตสิก รูป
ขอเรียนถามคำถามด้วยความเคารพว่า มีสิ่งใดหรือสภาวะใด หรือสัตว์อะไร ที่มีแต่มหาภูตรูปเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีอุปาทายรูปบ้างครับ หมายถึงว่าสิ่งนั้นมองไม่เห็น ไม่มีกลิ่น ไม่มีเสียง ไม่มีรส มีแต่โผฏฐัพพะอย่างเดียวสิ่งนี้คืออะไร จะเป็นเทวดา มาร พรหม เปรต อสุรกาย ฯลฯ หรืออะไรครับ
ไม่มีสิ่งใดหรือสภาวะใด หรือสัตว์อะไร ที่มีแต่มหาภูตรูปเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีอุปาทายรูปเพราะกลุ่มของรูปขนาดเล็กที่สุดที่ไม่สามารถแบ่งแยกต่อไปได้ก็ยังมีรูป ๘ รูป คือมหาภูตรูป ๔ อุปาทายรูป ๔ เรียกว่า อวินิพโภครูป ๘ ดังนั้นกลุ่มของรูปที่มีเพียง มหาภูตรูปจึงไม่มีในโลกไหนๆ เลย อย่างน้อยที่สุดต้อง ๘ รูป คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม สี กลิ่นรส โอชา
แปลกดีครับ มหาภูตรูปไม่ต้องอาศัยอุปาทายรูป แต่ไม่มีมหาภูตรูปเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีอุปาทายรูป ในเมื่อไม่อาศัยสิ่งอื่นแต่ทำไม่จึงมีไม่ได้ สิ่งนี้เพียงแต่บัญญัติขึ้น มาเองโดยไม่มีอยู่ในโลกนี้หรือโลกไหนๆ เลย
ขอบคุณมากครับ
อันที่จริงควรจะใช้คำว่า มหาภูตรูปหนึ่ง เป็นปัจจัยโดยเป็นสหชาตปัจจัย ให้มหาภูตรูปอื่นๆ เกิดได้ เช่น ดิน เป็นปัจจัยให้ น้ำ ไฟ ลม เกิดพร้อมกัน น้ำเป็นปัจจัยให้ ดิน ไฟ ลม เกิดพร้อมกัน ไฟเป็นปัจจัยให้ ดิน น้ำ ลมเกิดพร้อมกัน ลมเป็นปัจจัยให้ ดิน น้ำ ไฟ เกิดพร้อมกัน
และมหาภูตรูปก็เป็นปัจจัยโดยเป็น สหชาตปัจจัย ให้อุปายทายรูปเกิดพร้อมกันด้วยเช่นกัน เหมือนดวงไฟเอื้อให้เกิดแสงสว่างขึ้น แต่ดวงไฟนั้นไม่ใช่แสงสว่างเช่น ดิน ไม่ใช่ น้ำ ไฟ ลม แต่เป็นปัจจัยให้มหาภูตรูปทั้ง ๓ นั้นเกิดพร้อมกับดิน ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่ใช่ สี กลิ่น รส โอชา แต่เป็นปัจจัยให้ สี กลิ่น รส โอชา เกิดขึ้นพร้อมกับ ดิน น้ำ ไฟ ลม เป็นต้น
นอกจากนี้ก็มีปัจจัยอื่นคือ อัญญมัญปัจจัย อัตถิปัจจัย และอื่นๆ ครับ คัมภีร์พระอภิธรรมละเอียดยิ่งกว่านี้มากและรู้ได้ยากจริงๆ โดยสภาวะ ก็ศึกษาเพื่อเข้า-ใจในความเป็นปัจจัย ว่าสิ่งนั้นมี สิ่งนี้จึงมี ในความเป็นเหตุเป็นผลกัน ศึกษาเพื่อให้รู้ว่าไม่ใช่เรา ไม่มีเราเลย มากกว่าที่จะพยายามไปจำชื่อให้ได้เหมือนท่องจำแต่ไม่ได้เข้าใจสภาพธรรมะจริงๆ ที่กำลังปรากฏตอนนี้ครับ
ข้อความบางตอนจาก...
[เล่มที่ 75] พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้าที่ ๑๔๖.
สหชาตปัจจัย
ธรรมที่เกิดขึ้นช่วยเป็นอุปการะ ด้วยอำนาจของการยังธรรมอื่น ให้เกิดพร้อมกัน เหมือนดวงประทีปเป็นอุปการะแก่แสงสว่าง ชื่อว่า สหชาตปัจจัย.
มหาภูตรูป ๔ เป็นปัจจัยซึ่งกันและกันด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย. มหาภูตรูปเป็นปัจจัยแก่อุปาทายรูปด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย
๗. อัญญมัญญปัจจัย
ธรรมที่ช่วยอุปการะ โดยความอุดหนุนกันและกันให้เกิดขึ้นและค้ำจุนกันและกันไว้ เหมือนไม้ค้ำสามอันช่วยค้ำกันและกันเอาไว้ ชื่อว่า อัญญมัญญปัจจัย.มหาภูตรูป เป็นปัจจัยซึ่งกันและกันด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย
๒๑. อัตถิปัจจัย
ธรรมที่ช่วยอุปการะโดยอรรถว่าช่วยค้ำจุนแก่ธรรมที่เป็นเช่นเดียวกันโดยภาวะที่ยังมีอยู่ อันมีการเกิดขึ้นเฉพาะหน้าเป็นลักษณะ ชื่อว่า อัตถิปัจจัย.
มหาภูตรูป ๔ เป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย
ขอนอบน้อมต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
"ศึกษาเพื่อให้รู้ว่าไม่ใช่เรา ไม่มีเราเลย มากกว่าที่จะพยายามไปจำชื่อให้ได้เหมือนท่องจำแต่ ไม่เข้าใจสภาพธรรมะจริงๆ ที่กำลังปรากฏตอนนี้ครับ"
ขอความนอบน้อมจงมีแก่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ขอบคุณมากๆ ครับ
ขออนุโมทนาครับ