เมตตา ๒๘ - การเจริญเมตตา ต้องอาศัยการสะสม - โอกขาสูตร

 
chaiyut
วันที่  17 ต.ค. 2550
หมายเลข  5153
อ่าน  1,507

เมตตาเกิด...แม้เพียงชั่วการหยดน้ำนมแห่งแม่โค...ก็เป็นประโยชน์

มีท่านผู้หนึ่งสงสัยว่า เวลาที่ท่านนึกหวังดีต่อมารดาบิดาของท่าน ขณะนั้นเป็นโลภะหรือเป็นเมตตา เพราะสภาพธรรมที่ใกล้ชิดกัน คือ โลภะ และเมตตา ถ้าเป็นการนึกถึงพระคุณของมารดาบิดา แล้วมีความหวังดีปรารถนาดีต่อท่าน โดยฐานะที่ท่านมีพระคุณมากมาย ขณะนั้นเป็นกุศลจิตเป็นเมตตา บุตรย่อมรักมารดาบิดา ขณะใดที่รักขณะนั้นเป็นโลภะ มารดาบิดาก็เช่นเดียวกัน มารดาบิดารักบุตร ขณะนั้นก็เป็นโลภมูลจิต แต่มารดาบิดาที่ได้ฟังธรรม ได้อบรมเจริญสติปัฏฐาน ได้รู้ลักษณะที่ต่างกันของเมตตากับโลภะ มารดาบิดาย่อมมีเมตตาต่อบุตรเพิ่มขึ้นแทนโลภะได้ มิฉะนั้นแล้วก็จะมีแต่ความรู้สึกว่านี่บุตรของเรา บางทีความรักบุตรมีมากจนกระทั่งสามารถประทุษร้ายบุตรของคนอื่นได้ อย่างนี้ไม่ใช่ลักษณะเมตตาต่อบุตร แต่เป็นลักษณะของความรักบุตรที่เป็นโลภะ

ข้อความในวิสุทธิมรรค เมตตาพรหมวิหาร แสดงว่า การอบรมเจริญเมตตาให้ยิ่งขึ้นนั้นจะต้องเริ่มเจริญในผู้ที่มีคุณความดี มีศีล เป็นที่รักนับถือเช่นครู อาจารย์ ก่อน เพราะเมื่อนึกถึงคุณของบุคคลที่มีคุณความดีเช่น ครูอาจารย์ จิตใจย่อมอ่อนโยนไม่คิดร้ายต่อครูอาจารย์เลย หวังที่จะเกื้อกูลกระทำทุกอย่างให้ผู้ที่เป็นครูอาจารย์ได้รับความสะดวกสบาย มีความสุข ฉะนั้น จิตที่คิดถึงคุณของครูอาจารย์ จึงเป็นจิตที่อ่อนโยนประกอบด้วยเมตตา ท่านมีความรู้สึกพอใจจะสงเคราะห์ช่วยเหลือบุคคลที่ท่านพบเห็นในชีวิตประจำวันเหมือนกับที่ท่านกระทำต่อครูอาจารย์ขณะใด ขณะนั้นแสดงว่าท่านมีเมตตาต่อบุคคลนั้น

พระผู้มีพระภาคทรงสรรเสริญการอบรมเจริญเมตตา แม้เพียงชั่วขณะเล็กน้อย เพื่อให้เห็นประโยชน์ว่ากุศลธรรมทั้งหมดนั้นอย่าประมาทว่าเพียงเล็กน้อย เพราะแม้เพียงชั่วเล็กน้อยที่เกิดขึ้นได้ก็เป็นประโยชน์

ข้อความใน สังยุตตนิกาย นิทานวรรค โอปัมมสังยุต โอกขาสูตร

[๖๖๗] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดพึงให้ทานประมาณ ๑๐๐ หม้อใหญ่ในเวลาเช้า ผู้ใดพึงให้ทานประมาณ ๑๐๐ หม้อใหญ่ในเวลาเที่ยง ผู้ใดพึงให้ทานประมาณ ๑๐๐ หม้อใหญ่ในเวลาเย็น ผู้ใดพึงเจริญเมตตาจิตในเวลาเช้า โดยที่สุดแม้เพียงชั่วการหยดน้ำนมแห่งแม่โค หรือผู้ใดพึงเจริญเมตตาจิตในเวลาเที่ยง โดยที่สุดแม้เพียงชั่วการหยดน้ำนมแห่งแม่โค หรือผู้ใดพึงเจริญเมตตาจิตในเวลาเย็นโดยที่สุดแม้เพียงชั่วการหยดน้ำนมแห่งแม่โค การเจริญเมตตาจิตนี้มีผลมากกว่าทานที่บุคคลให้แล้ว ๓ ครั้งในวันหนึ่งนั้น เพราะเหตุดังนี้นั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักเจริญเมตตาเจโตวิมุตติ กระทำให้มากกระทำให้เป็นดุจยาน กระทำให้เป็นที่ตั้งอาศัย ให้มั่นคง สั่งสมปรารภด้วยดี ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ


พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ว่า กุศลธรรมทั้งหลายสามารถที่จะอบรมเจริญขึ้นทีละเล็กทีละน้อย สิ่งที่คิดว่ายากนั้นถ้าค่อยๆ สะสมอบรมก็จะเกิดบ่อยขึ้นจนกระทั่งมีมากได้ ฉะนั้น การที่จะมีเมตตาจิตมากขึ้นนั้นก็อย่าหวังว่าจะมีมากในครึ่งวันหรือวันหนึ่ง แต่ว่าทุกขณะที่เมตตาเกิดขึ้นได้แม้เพียงเล็กๆ น้อยๆ ก็จะเป็นปัจจัยให้เมตตาเกิดเพิ่มขึ้นเจริญมากขึ้นได้ มิฉะนั้นพระผู้พระภาคก็คงไม่ตรัสว่า โดยที่สุดแม้เพียงชั่วการหยดน้ำนมแห่งแม่โค ก็เป็นสิ่งที่มีประโยชน์

..จากหนังสือ "เมตตา" เปิดอ่าน --> คลิกที่นี่


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 24 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 20 ม.ค. 2566

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ